วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คุยกัน กับ ปรัชญาหุ้น


ผมไปอ่านมาคุยกันเรื่องปรัชญาชีวิตกะหุ้น เห็นว่ามันส์ดีเลยเลือกเอามาแปะไว้ ลองดูนะครับเผื่อได้แนวคิดใหม่ๆ ปรัชญากะหุ้น ในมุมมอง Trader คนอื่นๆ

Artis 22 December 2009 at 12:13 pm

“Invest first, investigate later”

Soros

ข้างบนนี้เปน คำพิพากษา ไม่ใช่สมมุติฐาน

สมมุติฐาน มาก่อนคำพิพากษา ส่วนสิ่งที่ก่อนสมมุติฐาน คือ สัณชาติญาณ
ผมเคยลองใช้กับ MINT สร้างสมมุติฐานขั้นมา แล้ว Invest first, investigate later ลงทุนทีละน้อย คอยดูว่าสมมุติฐานของเราถุกหรือผิด บางทีก็สร้างสัมผัสขึ้นมา ขายก่อนแล้วค่อยซื้อ ถ้ามีคนรับมาก ผมถึงจะซื้อ
คือ ซื้อไปแล้ว มีคนมารอซื้อต่อแน่ๆ การสร้างความรูสึกเกี่ยวตลาดขึ้นมานั้น ผมทำไม่บ่อยครับ
ทำต่อเมื่อ ไม่แน่ใจเท่านั้น ถ้าอยากซื้อ ผมจะขายก่อน ถ้าอยากขาย ผมจะซื้อก่อน
ที่สำคัญ ต้องแยกอารมณ์และความรูสีกของตนออกจากตลาดให้ได้
ไม่ปล่อยให้ตันหาต่างๆ เข้ามาปน ไม่ปล่อยให้อัตตามาปะปนกับการตัดสินใจทางการลงทุนอย่างเด็ดขาด
การที่ปราศจากอารมณ์ความรูสึกในการลงทุนนั้น ต้องอาสัยความมีวินัยอย่างมาก
ต้องอาสัยความมั่นใจในตัวเองอย่างมากด้วยครับ
อีกทั้งต้องเข้าใจว่าตลาดมีทั้งด้านที่มีเหตุผล และไม่มีเหตุผล
และยังต้องยอมรับด้วยว่า เราไม่สามารถตัดสินใจได้ถุกต้องตลอดเวลา
หากมีโอกาส ต้องฉกฉวยให้เต็มที่
หากผิดพลาด ก็ยอมรับผิด สำคัญที่ต้องรูว่าเมื่อผิดแล้ว ต้องทำอย่างไรให้อยู่รอด

แล้วนี่ละครับ …..

กฎขอที่ 1 อย่าขาดทุน
กฎข้อที่ 2 อย่าลืมกฎข้อที่ 1

คำอธิบายที่อยู๋หลังกฎเหล่านี้เปนอย่างไร มันมีอะไรมากกว่านี้เยอะ
นี่ต้องคิดถึง วอเรน บัฟเฟต
เขาอธิบายว่าทำอย่างไร เอ้ยยยย ตัวเขาเองปีนี้ยังขาดทุนเลยนี่
มีใครช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยนะครับ ว่าสิ่งที่พูดข้างบนนี้ ทำอย่างไร
สำหรับผม ถ้าไม่อยากขาดทุน ก็ไม่ต้องลงทุน…จบข่าวเลย 555555

ออ…..ช่วงเข้าป่า พรานสอนผม มีเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟังครับ

พรานเดินไป คุยกันเพลินๆ ทำท่าโยนมีดใส่ผม เราก็ทำท่าหลบ ไม่รับ มีดสปาตามันยาวขนาดไหน ท่านพอนึกออก ทำท่าแต่ไม่โยนครับ เดินไปอีกสักพัก หันกลับมาคุยกับผม ทำท่าโยนมีดให้ผมรับอีก ผมก้ตั้งท่ารับ เพราะเหนมีดใส่ฝักแล้ว แต่ไม่โยนครับ เราก็ทำท่ารอ แต่เขาไม่โยนนะ เขาเหมือนกับวา จะโยนแต่ไม่โยน คือไม่ตั้งใจโยน พอเราเผลอ ๆ เอาอีก ทำท่าโยนอีก คราวนี้ ผมไม่ตั้งท่ารับอีกแล้ว เพราะรู้แล้วว่า เขาไม่โยน พอผมไม่ทำท่ารับ พรานจึงหัวเราะออกมา ผมถามว่าทำไมพรานหัวเราะละ พรานบอกว่า เหนท่านไม่รับผมจึงหัวเราะ พรานจึงบอกว่า ทำอย่างนั้นไมได้ ถ้าอยู่ในป่า อย่าประมาทเด้ดขาด ถ้าท่านเชื่อว่า ผมไม่โยนแน่ๆ จึงไม่รับ ถ้าผมโยนจริง ๆ ละ ท่านเสร็จเลย

มีดข้างบน ไม่ต่างอะไรจาก สมมุติฐานที่ว่า “อย่าขาดทุน” วันไหนท่านเลิกสงสัยในกฎข้อนี้ ไม่ยื่นแขนมารอรับแล้ว…….ท่านมีโอกาสหลงป่าทุนนิยมแน่ๆ !


Anonymous 22 December 2009 at 2:09 pm #

ผมเคยไปเจอนักมวยท่านหนึ่งตอนไปเที่ยวเมืองจีน พอรู้ว่าผมมีอาชีพเป้นนักลงทุน ท่านก็ถามว่า “เปนคนกล้าได้กล้าเสียอย่างนี้เล่นหุ้นได้ไหม” กระผมก็เรียนตอบไปว่า ” ไม่ใช่เลย” ในตลาดหุ้น อย่าใจร้อน ถ้าร้อนนี่มีแต่เสีย นักลงทุนที่เก่งๆ ถึงต้องใจเย็น ต้องควบคลุมอารมณ์ตัวเองให้เก่ง ใครบอกคนเก่งต้องกล้าได้กล้าเสีย เข้าใจผิดแล้ว คนภายนอกมองแล้วคิดว่าเรามีนิสัยอย่างนั้น นั่นไม่เปนความจริง คนเก่งต้องรอดูจังหวะที่พอเหมาะ แล้วค่อยเข้าไปลงทุน ไม่ใช่เข้าทุกวัน หาจังหวะได้แน่ๆ แล้วค่อยเข้า นาน ๆทีค่อยปล่อยมัด ปล่อยทีแล้วน๊อคเลย ไม่ใช่ปล่อยตลอด อย่างนั้นน้ำหนักมัดไม่มี ไม่ใช่กล้าได้กล้าเสีย อย่างนั้นหมดตัวไปนานแล้ว

ผมเรียนต่อไปว่า ถ้าเข้าตลาดทุกวันเหมือนท่านกวนน้ำในแก้วทุกวัน ตะกอนมันวนในแก้ว น้ามันก้ขุ่น ไม่เคยใส ถ้าปล่อยให้มันตกตะกอนบ้าง ท่านจะเหนน้ำใสในแก้ว สิ่งต่างๆ จะตกตะกอนหมด นั่นคิอเหตุผลที่ไม่ต้องเข้าทุกวัน อย่าให้แก้วน้ำของชีวิตการลงทุนมันแกว่งตลอด ไม่อย่างนั้นแล้ว ท่านจะไม่เหนน้ำใสตะกอนใจในแก้วของตนเองเลย

ถ้าแนวทางการลงทุนของเราดี เหมือนรถที่ดี แต่นักแข่งดันขับไม่เปน ไม่เอารถไปลอง ไม่เคยลองสนามแข่ง ก่อนแข่งแต่ละครั้ง ต้องนั่งเซตก่อนว่าวันนี้จะเข้าโค้งอย่างไร สนามวันนี้จะเปนอย่างไร รายละเอียดเรื่องตลาดมันเยอะ ต้องลองเอารถไปลองในสนาม ปรับให้เข้ากับสนาม ปรับใจตัวเองให้เข้ากับรถ ให้เข้ากับวิถีการลงทุนที่เราใช้

ไปเที่ยวจีนครั้งนั้น ไกด์เล่าให้ฟังว่า ….”ฮ่องเต้จีนกระแทกตื้น 8 ลึก 2″ สูตรเด็ดท่านเมียเยอะ ผมเลยคิดไปว่า นี่เกี่ยวกับตลาดหุ้นอยู่บ้างไม่น้อย สูตรนี่เปนสูตรเอาชนะใจตนเองของท่าน แต่พอตื้น 8 แล้วลึก 2 สนมไม่คาดหวัง พอลงลึกแล้วเกินคาดหวัง critical mass ของสนมจึงเกิด พอครั้งต่อไปนานๆ นี่กลายเปน expectation ของสนม ตื้น 8 แล้วเดี่ยวมีลง ใจสนมรอตั้งแต่แรกแล้ว ใจสนมเกิด critical mass ตั้งแต่ตื้นครั้งที่ 1 แล้ว ฮ่องเต้ไมได้เสพกามอีกต่อไป ท่านทำให้สนม เสพ expectation ทั้งนั้น สนมกลายเปนคนติด expecatation กัน ที่บอกว่าคนติดบุหรี่อย่างนี้ไม่ถูก เขาติด expectation ต่างหาก ท่านก็เสพ expectation ในตลาดกันทั้งนั้น

ถ้าเราเหนคนเคาะหุ้น ………..

500
500
500
500
500
500
500
500
100000
100000
500
500
500
500
500
500
500
500
100000
100000

นั่นก็ตื้น 8 ลึก 2 เหมือนกัน!

เหนอย่างนี้แล้วตามซื้อทันที เขาเล่นกับ expectation ของเราครับ
ทันสติตัวเองให้ได้ สูตรนี้เอาไปใช้ค้าขาย ไปทำอะไรได้หลายอย่าง นอกเตียง ในเตียง ใช้ได้หมดครับ

ขอบพระคุณมากครับ…….


mod 22 December 2009 at 3:28 pm #

ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์อุเอชิบะของไอคิโด จิกาโรคาโนของยูโด โอทสุกะเซนเซของวโดริวคาราเต้ ของจีนก็มีอย่างท่านจางซานฟงปรมจารย์ไทเก็ก หรือท่านยิปมั่นครูมวยหย่งชุน ซึ่งเป็นอาจาย์ของบรุซลี และแม้แต่มวยปากัวที่ลุ่มลึกมากๆ หรือถ้าแม้แต่ในไทยนี้ก็ยังมีครูแปรงซึ่งสืบทอดมวยไชยา มรดกของไทยๆที่มีคุณค่ามากๆ นี่ผมไม่อาจจะยกตัวอย่างมาหมดได้เพียงแต่อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วทุกศาสตร์ล้วนก่อกำเนิดควบคู่มากับแนวคิดและปรัชญาที่ลึกซึ้งมากๆครับ

Anonymous 22 December 2009 at 9:14 pm #

หรือว่า…… นี่เท่ากับว่า ท่านได้ขจัดความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ให้หมดไปจากใจได้จนจิตใจนิ่งดุจบ่อน้ำที่สงบงันจนสามารถสะท้อนดวงจันทร์ได้อย่างสวบงาม จดจ่อกับสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ในปัจจุบันขณะ จนกระทั่งการเทรดคือการฝึกสมาธิไปในตัว

ผมเคยเจอเทรดเดอร์ท่านหนึ่ง บรรลุถึง “วิถีกระบี่ภาพสะท้อน” คือ แนวทางไม่แสดงงำประกายตนเอง โดยการ “สำรวมถ่อมตัว” เป็นหลัก ในขั้นนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงลึกภายในจิตใจ ทำให้สามารถมองโลกในมุมมองใหม่ เปลี่ยนวิถีคิดของตัวเองไปอีกขั้น คือการถือเอา เป้าหมายทางจิตวิยญาณเป็นหลัก ดั่งอัศวินเจได ผสมผสานระหว่างนักรบกับนักพรต การฝีกคิดเหมือนเจไดไม่ต่างจากการปฎิบัติธรรม และการเทรดเป็นการแสวงหาธรรมฝึกจิตใจอย่างหนึ่งเช่นกัน

ผมเคยเจออีกท่าน เทรดเดอร์ระดับปรมาจารย์ มีลักษณะภายนอกเหมือนคนสามัญธรรมดา แต่ความเป็นอยู่ไม่ต่างอะไรจากนักบวช รักสมถะ รักสันโดษ มีคุณธรรม เปรียบเหมือนนักรบ แต่ไม่ปรารถนาการฆ่าฟัน เพียงแต่ทำสงครามในสมรภูมิภายในตัวตน เป็นนักรบแห่งจิตวิญญาณและสามารถเปิด “พื้นที่ศักสิทธิ์” ในหัวใจของตนเอง

เขาบอกผมว่า….”เงินเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การทดสอบทฤษฎีปรัชญาของตนเอง และ การฝึกสมาธิเพื่อทดสอบอารมณ์ตัวเองเป็นจุดหมายสำคัญมากกว่า”

เขายังเปรยอีกว่า อาชีพเทรดเดอร์ที่บริหารกองทุนป้องกันความเสี่ยง ต้องเป็นคนที่ลึกลับซับซ้อน อย่าออกสื้อโดยเด็ดขาด ต้องเป็นนักคิดที่ชัดเจน มั่นใจตนเอง และพูดในสิ่งที่ขัดแย้งกันเสมอ นั่นเพื่อลับสมองตลอดเวลา ถามตัวเองเสมอว่า “ทำไม ทำไม ทำไม” สิ่งที่เห็น “คืออะไร” ตีความหมายทางนามธรรมให้มากที่สุด แล้วจะเอาไปใช้ทางรูปธรรมได้มากเท่านั้น

ท่านสอนอีกว่า ต้องมีความปรารถนาจะเข้าใจทุกสิ่งที่บิดเบือนจากความเป็นจริง แต่เครื่องมือในการทำความเข้าใจกับสิ่งภายนอกต้องได้รับความสนใจในการทำความเข้าใจเช่นกัน สิ่งนั้นคือ จิตใจของตัวเราเอง

“การฝึกกลยุทธ์การเทรดอย่างเดียวทำให้มีจิตใจที่หยาบกระด้าง แต่ฝึกทางใจอย่างเดียวทำให้อ่อนแอ เราต้องปรับให้กลมกลืนกัน”

ขอบคุณครับ วันนี้ถือว่าโชคดีมากที่ได้เจอเว็บนี้ สักวัน คงได้เจอกันอีก สวัสดีครับ……


ก็ขอเก็บเอาไว้อ่านนะคับ ได้แง่คิดในออกแบบนึง จะได้ไม่ต้องไปค้นหาว่ามาจากกระทู้ไหน

ที่มา www.mangmaoclub.com

boyles

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น