แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Video หุ้น แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Video หุ้น แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำไมรู้เทคนิคถึงขาดทุน อะไรที่แยกนักเก็งกำไรชั้นนำ

บางคนเรียนรู้การวิเคราะห์พื้นฐาน บางคนรู้เทคนิคมาอย่างดี แต่ทำไมเขาเหล่านั้นยังขาดทุน มันได้ผลจริงหรือเปล่า ?

การวิเคราะห์พื้นฐานเป็นที่ยอมรับขึ้นมาก่อน ซึ่งจะวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท วิเคราะห์ความต้องการสินค้า และปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ แล้วจึงคาดคะเนว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มันไม่ได้นำพฤติกรรมของนักลงทุนมาวิเคราะห์รวมเข้าไปด้วย

ต่อมาจึงได้มีการวิเคราะห์ทางเทคนิคเกิดขึ้น ซึ่งเชือว่า นักเก็งกำไรคือผู้อยู่เบื้องหลัง ทุกตลาดและ ทุกช่วงเวลา นักเก็งกำไรเหล่านี้จะทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา จนเป็นสถิติที่น่าเชื่อถือ

โดยผู้บรรยายเชื่อว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคดีกว่าพื้นฐานมาก เพราะจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากอดีตโดยไม่เกี่ยวข้องว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าคุณจะรู้เทคนิคดีแค่ไหน แต่ทำไมคุณยังขาดทุนอยู่ ?

อะไรที่เป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างความคิด การวิเคราะห์ของคุณ กับสิ่งที่คุณจะกล้าทำลงไป การที่เราเห็นโอกาสบางอย่างขึ้น และได้ตัดสินใจกระทำลงไป นั้นเหมือนเป็นสิ่งที่ง่าย แต่นี่คือสิ่งที่แยกนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็ว และล้มเหล

นักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จนั้นเรียนรู้ คิด และสร้างทัศนคติที่แตกต่างออกไป และสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ดี ไม่ใช่เพราะการที่คุณจะเรียนรู้เทคนิคการหาจุดซื้อ จุดขายที่ดีแต่เพียงอย่างเดียว แต่นักเก็งกำไรชั้นนำจะเข้าถึงการตัดสินใจที่ช่วยให้เขาสามารถรักษาวินัย และสมาธิเอาไว้ได้ และยิ่งกว่านั้นเขายังมีความเชื่อมั่นในตนเองแม้ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด นักเก็งกำไรชั้นนำต้องสามารถซื้อ ขายได้โดยไร้ความลังเลใจ แม้ในช่วงเวลาที่ขาดทุน เขาก็ทำสิ่งต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณขายขาดทุนทิ้งไปแล้ว คุณต้องเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ และโอกาสใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าคุณถูกอารมณ์ครอบงำจากการขาดทุน คุณจะไม่มีสมาธิไปยังโอกาสใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทำไมนักลงทุนจึงไม่ชอบขายขาดทุน เพราะเขายังเจ็บปวดจากการขาดทุน นั่นเพราะเขาไม่ยอมรับถึงความเสี่ยงของการลงทุนนั่นเอง คุณต้องเข้าใจว่าเมื่อคุณเข้าซื้อหุ้น ณ จุดไหนก็ตาม คุณอาจคิดผิดก็ได้ คุณต้องเข้าใจให้ได้ก่อนว่า คุณไม่สามารถวิเคราะห์ถูกต้องทุกครั้ง หรือกราฟอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้ การเก็งกำไรคุณอาจผิดพลาดได้ นั่นจะทำให้คุณสามารถขายขาดทุน และตั้งหลักใหม่ได้เร็วขึ้นด้วย

Mark douglas พูดไว้ว่ากว่า 95 % ของการขาดทุนเกิดจากความคิดของคุณเอง มาจาก 4 ความกลัวคือ กลัวขาดทุน กลัวพลาดโอกาส กลัวผิดพลาด กลัวสูญเสียกำไร เมื่อความกลัวเหล่านี้ครอบงำ หรือแม้กระทั่งความบ้าบิ่นของคุณเอง นั่นเหมือนม่านหมอกบังตา ที่จะทำให้คุณขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่สามารถทำในสิ่งที่คุณคิดได้ นั่นทำให้คุณไม่สามารถทำกำไรได้อย่างที่ควรจะเป็น

ผมขอสรุปใน Video เห็นว่ามีประโยชน์มาก ต้องขอบคุณคุณmod ที่อุตส่าต์แปล video ดีๆ นะครับ
แหล่งที่มา http://mangmaoclub.com/trading-psychology/

boyles

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อนักเล่นหุ้นฟุ้งซ่านกับตัวเอง เราจะจัดการมันอย่างไร


บางครั้งผมก็รู้สึกอย่างที่ ดร. Brett N. Steenbarger พูดขึ้นทีเดียว เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมองตลาดอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น ทำไมถึงเกิดความรู้สึกอย่างนี้ขึ้น แล้วเราจะแก้อย่างไร เราควรจะเปลี่ยนมุมมองอย่างไร ถ้าใครอยากดู vdo สัมภาษณ์ดร.คนนี้ ก็ตามไปชมตาม link ข้างล่างเลยนะครับ อันนี้ผมสรุปไว้อ่านล่ะกัน

ดร. breet ได้สรุปสั้นเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆในการเล่นหุ้น
การมัวเมาอยู่กับการเล่นหุ้น คล้ายพนัน หรือการเข้าไปในบ่อน เพราะกำไรจากการเล่นหุ้นส่วนใหญ่มาจากการ อดกลั้น เพื่อที่จะรอความได้เปรียบ และโอกาส
เพราะถ้าคุณตื่นเต้นคุณจะไม่มีความอดกลั้น และจะไม่รอโอกาสที่ได้เปรียบ

เมื่อนักเล่นหุ้นตัดขาดทุน แต่หุ้นกลับไม่ลงต่อ เขาจะเกิดความฟุ้งซ่าน และหน้ามืด และลงเล่นต่อแม้ในสถานกาณ์ที่ไม่ได้เปรียบเลย นั่นเป็นที่มาของการขาดทุนหนักขึ้น

และเมื่อเขาฟุ้งซ่าน พวกเขาจะคิดถึงแต่กำไร-ขาดทุนที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยที่ไม่ได้เพ่งสมาธิไปที่ตลาด ซึ่งเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ

กฎง่ายของดร.คือ "เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังคิดถึงแต่ตัวเอง หรือกำไร-ขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้ว คุณกำลังหลงทาง คุณควรจะเพ่งสมาธิไปที่ตลาดหุ้น ไม่ใช่ตัวคุณเองครับ"

boyles
ดู VDO เพิ่มเติมได้ที่ link ข้างล่างเลยครับ
แหล่งที่มา http://mangmaoclub.com/self-sabotage-behaviors/

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มาดูแนวคิด ก่อนใช้ Trading system

อันนี้ผมว่าเป็น clip ที่จะทำให้เราเข้าใจการ Trade โดยใช้ระบบได้ดีมากขึ้น


ก็ขอสรุป คร่าวๆ เผื่อใครขี้เกียจดู Clip นี้นะครับ

vdo นี้สรุปว่า การเล่นหุ้นด้วยระบบนั้นเป็นเกมส์ของความน่าจะเป็น และสถิติครับ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความหวังว่าถ้าเกิดอย่างนี้ แล้วจะเป็นอย่างนั้น

จากสถิติเบื้องต้นนั้น ระบบจะมีความแม่นยำอยู่ที่ 70 % ขึ้นไป ดังนั้นคุณควรจะเชื่อระบบอย่างน้อยให้ครบ 10 ครั้งก่อนจะตัดสินใจว่าควรจะทำตามระบบต่อไปไหม ซึ่งคุณควรจะถูก 7 ครั้งใน 10 ครั้ง โดยคนทำ vdo นี้ทำการทดลองโดยการสุ่มหยิบลูกแก้ว แล้วนำมา plot เป็นกราฟซึ่งกราฟจะได้ไกล้เคียงกับกราฟในตลาดหุ้น นั้นซึ่งเป็นที่มาของตัวเลขสถิติที่กล่าวมาข้างต้น ( ยังไงอยากรู้เขาทดลองยังไง ดู clip ได้นะครับ)

คุณไม่สามารถเล่นหุ้นโดยบอกว่า ตอนนี้ผมคิดว่ามันเป็นขาขึ้นหรือขาลง แต่คุณต้องอธิบายอย่างชัดเจนได้ว่า จะทำกำไร หรือตัดขาดทุนเมื่อไหร่ Exit? Stops? Targets? ถ้าคุณไม่สามารถมีคำตอบให้ตัวคุณเองได้ล่ะก็ คุณก็คนที่เตรียมรอวันเจ๊งหุ้น

และจากสถิติอันนี้ เมื่อคุณได้กำไรติดต่่อกัน 5 - 6 ครั้งแล้วคุณควรจะลดน้ำหนักการลงทุนลง เพราะจากสถิติ 3 - 4 ครั้งถัดไปคุณมีโอกาสแพ้ติดต่อกันได้ ก่อนที่เงินคุณจะโตขึ้นอีกครั้ง

แต่ช่วงที่เป็นทำให้คนไม่สามารถทำตามระบบได้ก็คือช่วงที่มันเป็น whipsaw ( อยู่กับที่ขึ้นๆลงๆ) ก่อนจะมี Trend ใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้นความมีวินัย และการควบคุมอารมณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเล่นตามระบบ

ก่อนที่จะทำกำไรมหาศาล ไม่ใช่แค่เล่นตามเซียนเก่งๆ เวบบอร์ดดีๆ หนังสือดีๆ แต่ผู้คนมากมายก็ยังขาดทุนในตลาดหุ้นอยู่ดี ดังนั้นคุณควรจะตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า เมื่อไหร่ควรเข้า เมื่อไหร่ควรออก เมื่อควรหยุดการขาดทุน ระบบของคุณสามารถดูสถิติย้อนหลังได้ไหม ค่าเฉลี่ยของการชนะ และแพ้ เป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องคำนึง

boyles


แหล่งที่มา: http://mangmaoclub.com/important-trading-system/

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หลักข้อแรกในการเก็งกำไร Protect Your Money First


ในช่วงที่ผมพักไปหาตัวอย่างเกี่ยวกับ Point and Figure Chart มาให้ดู ก็ไปเจอบทความดีๆ ที่แมงเม่าคลับเกี่ยวกับทัศนคติเรื่องการเก็งกำไร เรื่องนี้สำคัญมาก นักเก็งกำไรยิ่งใหญ่หลายๆคนมีทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องนี้่อย่างไร และการ Stoploss ให้ถูกที่ถูกเวลาสำคัญขนาดไหน

หลังจากเขียน Point and Figure เสร็จผมจะพยายามรวบรวมบทความเกี่ยวกับเรื่องการ Stoploss ว่ามันสำคัญอย่างไรในการเริ่มเล่นหุ้น และเราจะเผชิญหน้ากับความกลัวกับเรื่องนี้อย่างไร

“Survive first, Profit later”

“อยู่ให้รอดก่อน แล้วค่อยทำกำไร”

จอร์จ โซรอส


"Don't Focus on making money, Focus on protecting what you have"

"อย่ามุ่งมั่นกับการทำกำไรเกินไป จงให้ความสำคัญที่จะรักษาเงินต้นคุณมากกว่า"

Paul Tudor Jones


การทำกำไรนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุด ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้น และสิ่งที่สำคัญกว่าการทำกำไรก็คือ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้ การรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้คือสิ่งที่สำคัญกว่า ! ผมจะยกตัวอย่างจากคำพูดของเซียนหุ้นบางคนให้คุณฟัง และคนที่พูดไว้ได้ดีคนหนึ่งก็คือ Paul Tudor Jones… Paul Tudor Jones คือเซียนหุ้นคนหนึ่งซึ่งเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ในหนังสือ The Market Wizards ซึ่งเขียนโดย Jack Schwager เมื่อปี 1989 ตัวของ Paul Tudor Jones นั้น โด่งดังขึ้นมาจากการที่เขาเป็นผู้จัดการกองทุน เพียงไม่กี่คนที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า 100% ติดต่อกันถึง 5 ปี มากกว่า 100% ติดต่อกันในเวลา 5 ปีเชียวนะครับ ซึ่งในช่วงกลางปี 80 นั้น หากคุณลงทุนในกองทุนของเขา 4 ปีเงิน $ 1,000 จะกลายเป็นเงินถึงประมาณ $ 17,500 เขาคือคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในตลาดหุ้นเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม คำแนะนำของเขากลับดูง่ายดายเหลือเกิน เขาพูดว่า “อย่าคิดแต่จะทำกำไร แต่คิดว่าจะรักษาเงินทุนของคุณไว้ได้อย่างไร” แน่นอนครับ ! การทำกำไรนั้นสำคัญ แต่การรักษาเงินทุนเอาไว้นั้น สำคัญกว่า

Steven Waugh อดีตกัปตันทีมคริกเก็ตของออสเตรเลียนั้น เคยถูกถามไว้ว่า อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุดของคุณ? เขาพูดง่ายๆ ว่า “อย่าบุกมากเกินไป” ซึ่งสิ่งที่ Waugh ต้องการที่จะบอกก็คือ… “อย่าคิดแต่จะทำแต้ม แต่จงป้องกันให้ดีก่อน” แน่นอนการทำคะแนนนั้นสำคัญ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการรักษาแต้มของเราไว้ ! เช่นกันครับ การทำกำไรนั้นสำคัญ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ… รักษาเงินทุนเริ่มต้นของคุณเอาไว้ ถ้าคุณเสียมันไป คุณจะไม่มีเงินไว้ทำกำไรอีกเลย ซึ่งผมต้องเสียใจกับคุณด้วย คุณควรต้องเปลี่ยนทัศนคติของคุณใหม่ จากการมองโลกในแง่ดีเกินไปในเรื่องของความเสี่ยง จงเล่นเกมรับ ! รักษาเงินทุนของเราเอาไว้ จงตั้งจุดตัดขาดทุนเอาไว้ ! ต้องจัดสรรเงินทุนของเราให้เหมาะกับความเสี่ยง และจัดการกับความเสี่ยงของเราให้ดี

นี่คือประโยคต่อไปที่คุณควรจะจำไว้จาก Ed Seykota เซียนหุ้นอีกคนซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ เขาบอกไว้ว่ามี 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร โดยจากผลการลงทุนในช่วง 16 ปีของเขาหรือตั้งแต่ประมาณปี 73 ถึงประมาณปลายปี 80 นั้น กองทุนของเขาทำผลงานได้อย่างเยี่ยมยอดมาก โดยการเติบโตขึ้นถึง 250,000% นี่เป็นผลงานที่น่านับถือมากๆ แต่คำแนะนำของเขานั้น ง่ายเหลือเกิน เขาบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งที่สำคัญในการเก็งกำไร นั่นคือ “ตัดขาดทุน ตัดขาดทุน และตัดขาดทุน !!”

ผมมีอีกประโยคที่น่าสนใจ “การตัดขาดทุน คือกุญแจสำคัญในการทำกำไร” นั่นหมายความว่าการจะทำกำไรให้ได้นั้น คือการไม่ปล่อยให้เราขาดทุนมากเกินไป นี่เป็นลักษณะที่สำคัญของนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณยังจะได้ยินต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นเพียงบางส่วนจากการให้สัมภาษณ์ของพวกเขาในหนังสือ The Market Wizards ซึ่งผลการลงทุนของพวกเขาบางคนนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ ผมค่อนข้างโชคดีมากที่ได้รู้จักกับเซียนหุ้นท่านหนึ่งที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ The Market Wizards เขาคือ Mark D. Cook ซึ่งไม่น่าเชื่ออีกว่า เขานั้นเป็นเพื่อนสนิทกับ Marty Schwartz เซียนหุ้นระดับโลกอีกคน เขาบอกกับผมว่า “Marty คือคนที่แพ้เก่งที่สุดที่คุณเคยเจอ” ผมอยากให้คุณลองคิดดูดีๆ สักครู่ สมมุติว่าคุณเป็นนักเล่นหุ้น และถามผมว่า “อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุด?” และผมบอกว่า “ผมอยากให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่งที่สุด” คุณอาจจะต่อยผมแล้วเดินจากไปก็ได้… “ผมต้องการให้คุณเป็นคนที่แพ้เก่งที่สุดครับ” ในการเก็งกำไรนั้น คนที่แพ้เก่งที่สุดต่างหาก… จะกลายเป็นผู้ชนะในระยะยาว Mark Cook บอกกับผมว่า เขารู้จักเพื่อนคนนี้ดีที่สุด… “เขาเป็นคนที่ตัดขาดทุนได้เก่งที่สุด เท่าที่ผมได้เคยพบมา โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย !” เขาคือสุดยอดที่ผมเคยเจอ และสำหรับผู้ถูกสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือคนอื่นๆ นั้น คำแนะนำของพวกเขาก็ง่ายๆ เช่นกัน นั่นคือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน

สิ่งสำคัญที่สุดในการทำกำไร คือการไม่ปล่อยให้ขาดทุนมากจนเกินไป พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ฉลาดไปกว่าคุณบางคนเลย… มีใครบ้างไหมที่เคยขาดทุนในห้องนี้? ผมคิดว่าทุกคนคงจะยกมือขึ้นใช่ไหมครับ พวกเราเคยขาดทุนกันมาแล้วทั้งนั้น แน่นอน มันไม่มีความสุขแน่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด… คือการเรียนรู้ที่จะตัดขาดทุน พวกเราทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเราขาดทุน และปล่อยให้มันแย่ลงไป เช่น 12% หลังจากนั้นกลายเป็น 30%, 40%, 50% คุณรู้ไหม มันไม่ง่ายเลยนะที่จะตัดขาดทุนออกมา การตัดขาดทุน ณ จุดนั้นไม่ง่ายเลย การตัดขาดทุนที่ง่ายที่สุด คือต้องตัดตั้งแต่แรกครับ ดังนั้น จงใช้โอกาสที่คุณมี

ผมอยากจะเพิ่มเติมอีกหน่อยครับว่า… การขาดทุนครั้งใหญ่ๆ นั้น เริ่มจากการขาดทุนน้อยๆ มาก่อนทั้งนั้น มันเริ่มจากจุดเล็กๆ มาก่อนทั้งนั้นเลย มันจึงง่ายที่สุดที่จะตัดขาดทุนตั้งแต่แรกๆ …ขอให้ตัดขาดทุนได้อย่างไม่ลังเลใจนะครับ


แหล่งที่มา: http://mangmaoclub.com/preservation-of-capital/

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

The Whipsaw Song by Ed Seykota เพลงสำหรับแมงเม่า

วันนี้ได้ไปเจอ web นึงมาแล้วรู้สึกถูกใจเลยมาแนะนำ แมงเม่าคลับ แล้วก็ไปเจอ video อันนึงถูกใจมากอยากให้เพื่อนๆฟัง แล้วก็ เห้อ... แมงเม่าเป็นงี้เอง มี sub ด้วยแปลได้โดนจิงๆ



The Whipsaw Song by Ed Seykota
www.seykota.com/tribe

The Whipsaw Song (Eng)

You get a whip and I get a saw, honey
You get a whip and I get a saw, babe
You get a whip and I get a saw
One good trend pays for ‘em all.
Honey, trader, ba-by mine.

Banjo (Ride Your Winners):
What do we do when we catch a trend, honey … etc.
We ride that trend right to the end.

Mandolin (Cut Your Losses):
What do we do when we show a loss, honey … etc.
We give that dag-gone loss a toss.

Fiddle (Manage Your Risk):
How do we know when our risk is right, honey … etc.
We make a lot of money and we sleep at night.

Guitar (Use Stops):
What do we do when the price breaks through, honey … etc.
Our stops are in so there’s nothing to do.

Bass (Stick to the System):
What do we do when a draw down comes, honey
What do we do when it gets real big, babe
What do we do when it’s even bigger …
We stick to the plan and pull the trigger.

Banjo (File the News):
What do we do with a hot news flash, honey … etc.
We stash that flash right in the trash.

คุณโดนต้ม ส่วนผมก็โดนตุ๋น.. ที่รัก

คุณโดนต้ม ส่วนผมก็โดนตุ๋น.. เหมือนกัน

ขาดทุนนิดหน่อย เป็นเรื่องธรรมดา

เพราะแนวโน้มใหญ่ จะให้กำไรกลับมา!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี (ซ้ำ)

(ปล่อยให้หุ้นวิ่งทำกำไร : Ride your winner)

เราจะทำอย่างไร เมื่อเราเล่นถูกทางล่ะ.. ที่รัก

เราจะทำอย่างไร เมื่อเรามีกำไร.. ขึ้นมา

เราจะทำอย่างไร เมื่อมันพักตัวลงมา

อย่ารีบขายเกินไป ปล่อยมันวิ่งไปข้างหน้า!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี

(ตัดขาดทุน : Cut Your Losses)

เราจะทำอย่างไร ถ้าขาดทุนขึ้นมาล่ะ.. ที่รัก

เราจะทำอย่างไร ถ้าขาดทุนขึ้นมา.. สักวัน

เราจะทำอย่างไร ถ้ามันเน่าขึ้นมา

รีบๆขายทิ้งไป ให้ไกลลูกตา!

แมงเม่าทั้งหลาย จงจำไว้ให้ดี

(ควบคุมความเสี่ยง : Manage Your Risk)

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าไม่เสี่ยงเกินไปล่ะ.. ที่รัก

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันไม่หนักหนา.. สักเท่าไร

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าไม่เสี่ยงจนบ้า

ก็ถ้าหลับลงไป โดยไม่ต้องกินยา!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี

(มีจุดตัดขาดทุน : Use Stops)

เราจะทำอย่างไร ถ้ามันร่วงลงมาล่ะ.. ที่รัก

เราจะทำอย่างไร ถ้ามันร่วงลงมา.. มากไป

เราจะทำอย่างไร ถ้ามันร่วงไม่เป็นท่า

ไม่ได้ปอดหรอกนะ แต่เราเตรียมเผ่นล่วงหน้า!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี

(ทำตามระบบ : Stick to the System)

แล้วจะทำอย่างไร เมื่อขาดทุนติดกันล่ะ.. ที่รัก

แล้วจะทำอย่างไร เมื่อขาดทุนครั้งใหญ่.. ขึ้นมา

แล้วจะทำอย่างไร เมื่อเจ็บใจหนักหนา

แค่ตามระบบไป อย่าพึ่งถอดใจเลยน่า!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี

(อย่าสนข่าวลือ : File the News)

แล้วจะทำอย่างไร ถ้ามีข่าวขึ้นมาล่ะ.. ที่รัก

แล้วจะทำอย่างไร ถ้าเขาลือกันไป.. ทั่วกัน

แล้วจะทำอย่างไร ถ้าหนังสือพิมพ์เขาว่า..

โอ้ย อย่าไปสนใจ ทิ้งมันลงตะกร้า!

แมงเม่าทุกตัว จงจำไว้ให้ดี

resouce: http://mangmaoclub.com/whipsaw-song/