วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

วันนี้ดูเจาะใจ ได้แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับความโลภ

วันนี้ ขอเขียนคั่นเวลาสั้น พอดีดูเจาะใจ เขาไปสัมภาษณ์ ดร. คนนึงที่เคยทำงานนาซ่าแล้วตอนนี้กลับมาเมืองไทย เข้าสู่โลกธรรมะ ก็ดูไปตอนแรกตอนเดียว ชอบตอนที่ ดร. พูดถึง thomas edison ซึ่งก่อนตาย เขาได้บอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ขึ้นมา เพราะมนุษย์ยังไม่พร้อมสำหรับเทคโนโลยี

ดร.เขาเปรียบประมาณว่ามนุษย์ใช้เทคโนโลยีในการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ เช่นในปัจจุบัน คนเปลี่ยนของใช้ มือถือกันทุก 6 เดือนนั่นหมายความว่าธรรมชาติก็ถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ ธรรมชาติเหล่านี้ก็มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งที่เราแค่ต้องการปัจจัย 4 แต่ทำไมเราถึงต้องการสิ่งต่างๆรอบตัวเราเยอะขนาดนี้

ฟังแล้วก็ได้ idea ดีเหมือนกัน จริงๆเราก็มีแค่นี้ นั่นทำให้เรากลับมาอยู่ในความเป็นจริงมากขึ้น การเก็งกำไรในตลาดหุ้นยิ่งโลภก็มีแต่ยิ่งเสีย เพราะจะทำให้เราขนาดสติ ก็เลยลองไปหาข้อความที่ thomas พูดก่อนตายก็ไม่รู้จะ search หายังไง แต่ไปเจอข้อความดีๆ เลย เอามาลงด้วย

Many of life's failures are people who did not realize how close they were to success when they gave up.
อันนี้ ตั้งแต่เรียน อาจารย์ก็เอามาแปะไว้หน้าห้อง เราเห็นครั้งแรกก็ชอบประโยคนี้ ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นของ thomas alva edison นี่เอง บางทีการเล่นหุ้น เราอาจจะเกือบเจอหนทางทำเงินในตลาดทุนได้แล้วก็ได้ แต่เราอาจจะเลิกไปก่อน(เพราะตังค์หมด) มีคนบอกว่า 2 ปีแรกในตลาดหุ้น ให้เตรียมเงินขาดทุน หรือเงินค่าวิชา ไว้ลองผิด ลองถูก จนเจอวิธีการเทรดที่เข้ากับตัวเองค่อยลงเงินเพิ่มขึ้น

I have not failed, I've just found 10,000 ways that won't work.
อันนี้ มันน่าจะเข้ากับการเล่นหุ้นด้วยเหมือนกัน เราไม่ได้ประสบความล้มเหลวทีเดียวหรอก แต่เรากำลังค้นพบหนทางที่จะประสบความสำเร็จตาหาก

boyles

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

Trading System เขียนสิ่งที่ต้องรู้ลงในกระดาษ


จิตวิทยาการลงทุน part 2 ขอบคุณคุณมดที่แปลบทความดีๆ มากมายเหลือเกิน

จิตวิทยาการลงทุน 2 - Marc Douglas ( หนังสือ Trading in the Zone )

Marc ได้เขียนแนวทางการฝึกหัดการเก็งกำไร ในตอนที่เรียกว่า Trading an edge like casino หรือการเก็งกำไรอย่างมีแต้มต่อ และการเรียนรู้ที่จะเป็นนักเก็งกำไรที่มีวินัย อย่างสม่ำเสมอ โดยให้คุณคือระบบ และระบบกลายเป็นตัวคุณ โดย

1. Setting up Exercise
1.1 เลือกตลาด
1.2 เลือกหุ้นหรืออนุพันธ์ที่มีสภาพคล่อง และระวังการเล่น margin ด้วย

นี่คือแนวทางที่คุณจะฝึกด้วยเงินจริงๆ แต่ผู้สอนอยากจะให้ทดลองเล่นในกระดาษก่อน

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งบอกว่ามีคนมากมายเข้ามาในตลาดหุ้น แต่มีเพียงคนเดียวที่เป็นเศรษฐีได้ โดยการแค่ Trade หุ้น IBM ตัวเดียว

2. เลือกแนวทางที่เราจะซื้อ-ขาย
2.1 อาจจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐาน หรือเทคนิคก็ได้ หรืออาจจะเป็นสถิติ ความน่าจะเป็นขึ้น ให้เข้ากับตัวคุณเอง
2.2 คุณต้องคำนึงว่ามันไม่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ความคิดเห็นของคุณจากการวิเคราะห์เทคนิค หรือกำไร ขาดทุนที่เกิดขึ้น มันขึ้นอยู่แค่คุณจะสามารถทำตามระบบได้หรือไม่ โดยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

3. Trading System Requirement
3.1 Trade Entry ต้องรู้จุดเข้าที่แน่นอน
3.2 รู้จุดขายขาดทุน Stop loss
3.3 Time Frame เช่น intraday 30 นาที หรือ 60 นาที หรือ day เข้าด้วยTime frame ไหนออกด้วย Time frame นั้น
3.4 จุดที่คุณจะขายทำกำไร
3.5 ต้องลองซื้อ-ขายหลายๆครั้ง และวัดผลได้โดยไม่น้อยกว่า 20 ครั้งของการเทรด Trading in Sample sizes
3.6 มีการจัดการความเสี่ยงไปด้วย Accepting the risk

ก่อนที่คุณจะใช้ระบบคุณต้องเตรียมทำการบ้าน และตามคำถามเหล่านี้ให้ครบก่อน

ตัวอย่างของ Trade Entry
- ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบอะไรในการเข้าซื้อ เช่น macd ตัดขึ้นให้ซื้อ จุดเข้าซื้อของคุณต้องแน่นอน ถ้าระบบของคุณยังแสดงว่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้น เมื่อมันย่อลงมาคุณต้องเข้าซื้อ และถ้าระบบแสดงว่าอยู่ในช่วงขาลง ยังไงคุณก็ห้ามเข้าซื้อเด็ดขาด

ไม่เกี่ยวกับระบบคุณจะดีแค่ไหน แต่คุณต้องมีกฎการเข้าที่แน่นอน

Stop - Loss Exit
- ระบบของคุณต้องบอกได้ว่า คุณจะทำอย่างไร จะรอนานแค่ไหน และจะยอมเสี่ยงมากเท่าไหร่ ก่อนที่จะรู้ว่าระบบของคุณจะทำกำไรในคราวนี้หรือไม่ เนื่องจากมันจะมีจุดหนึ่งที่คุณไม่สามารถทำกำไรเพิ่มได้อีก และควรขายออกมา ดีกว่านั่งลุ้นให้มันวิ่งกลับไปที่เดิม

Time Frame
- เช่นคุณซื้อโดยใช้กราฟ 30 นาที คุณต้องขายโดยใช้กราฟ 30 นาทีเช่นกัน เข้าด้วยระบบอะไร ต้องออกด้วยระบบนั้น

ในเบื้องต้น marc ได้บอกกับเราไว้ว่าการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดนั้น คือการซื้อหุ้นตอนที่พักตัว ในแนวโน้มขาขึ้น และถ้าเล่น short เมื่อหุ้นเด้งขึ้นมาเมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง

Taking Profit
มันเป็นศิลปะเลยในการเล่นหุ้น มันยากที่จะคาดเดาว่ามันจะแค่ย่อ หรือเป็นขาลงจริงๆ ดังนั้นเรื่องนี้จะกล่าวอีกที

Trading in sample size
- คุณต้องทดลองก่อนว่าระบบไหน work หรือ ไม่ work จากนั้นก็ก็แบ่งเงินออกเป็นส่วนและกระจายการลงทุน เพราะเมื่อหุ้นลงหนักๆ ตัวใดตัวนึงคุณจะไม่เสียมันไปทั้งหมด

Testing
- คุณต้องตัดสินใจว่า คุณจะวัดผลของระบบ โดยใช้จำนวนการซื้อ-ขายกี่ครั้ง โดยไม่ใช่การทดลองที่น้อยจำนวนครั้งเกินไป

Accepting the Risk
- คุณต้องรู้ระดับความเสี่ยงของคุณก่อน ขนาดการลงทุนของคุณ ยอมรับความเสี่ยงให้ได้ อย่าขายขาดทุนเพียงเพื่อความสะบายใจเท่านั้น

4. Doing the Exercise
กฎของคุณต้องง่ายต่อการทำตาม ทดลองได้เลย ! อย่าลืมเก็บสถิติด้วยนะครับ

"ทำตามระบบ และระบบจะฝึกฝนคุณเอง" ออกแบบระบบที่เหมาะสมกับตัวเอง หลังจากที่ทำตามระบบได้ คุณจะพัฒนาขึ้น และตระหนักว่าคุณจะสามารถมองเห็นตลาดเป็นโอกาสทำกำไรได้ตลอดเวล โดยไม่รู้สึกว่าระบบ หรือตลาดจะคอยเล่นงานขึ้นอยู่

boyles


วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำไมรู้เทคนิคถึงขาดทุน อะไรที่แยกนักเก็งกำไรชั้นนำ

บางคนเรียนรู้การวิเคราะห์พื้นฐาน บางคนรู้เทคนิคมาอย่างดี แต่ทำไมเขาเหล่านั้นยังขาดทุน มันได้ผลจริงหรือเปล่า ?

การวิเคราะห์พื้นฐานเป็นที่ยอมรับขึ้นมาก่อน ซึ่งจะวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของบริษัท วิเคราะห์ความต้องการสินค้า และปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ แล้วจึงคาดคะเนว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มันไม่ได้นำพฤติกรรมของนักลงทุนมาวิเคราะห์รวมเข้าไปด้วย

ต่อมาจึงได้มีการวิเคราะห์ทางเทคนิคเกิดขึ้น ซึ่งเชือว่า นักเก็งกำไรคือผู้อยู่เบื้องหลัง ทุกตลาดและ ทุกช่วงเวลา นักเก็งกำไรเหล่านี้จะทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา จนเป็นสถิติที่น่าเชื่อถือ

โดยผู้บรรยายเชื่อว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคดีกว่าพื้นฐานมาก เพราะจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากอดีตโดยไม่เกี่ยวข้องว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าคุณจะรู้เทคนิคดีแค่ไหน แต่ทำไมคุณยังขาดทุนอยู่ ?

อะไรที่เป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างความคิด การวิเคราะห์ของคุณ กับสิ่งที่คุณจะกล้าทำลงไป การที่เราเห็นโอกาสบางอย่างขึ้น และได้ตัดสินใจกระทำลงไป นั้นเหมือนเป็นสิ่งที่ง่าย แต่นี่คือสิ่งที่แยกนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็ว และล้มเหล

นักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จนั้นเรียนรู้ คิด และสร้างทัศนคติที่แตกต่างออกไป และสามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ดี ไม่ใช่เพราะการที่คุณจะเรียนรู้เทคนิคการหาจุดซื้อ จุดขายที่ดีแต่เพียงอย่างเดียว แต่นักเก็งกำไรชั้นนำจะเข้าถึงการตัดสินใจที่ช่วยให้เขาสามารถรักษาวินัย และสมาธิเอาไว้ได้ และยิ่งกว่านั้นเขายังมีความเชื่อมั่นในตนเองแม้ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด นักเก็งกำไรชั้นนำต้องสามารถซื้อ ขายได้โดยไร้ความลังเลใจ แม้ในช่วงเวลาที่ขาดทุน เขาก็ทำสิ่งต่างๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณขายขาดทุนทิ้งไปแล้ว คุณต้องเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ และโอกาสใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าคุณถูกอารมณ์ครอบงำจากการขาดทุน คุณจะไม่มีสมาธิไปยังโอกาสใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทำไมนักลงทุนจึงไม่ชอบขายขาดทุน เพราะเขายังเจ็บปวดจากการขาดทุน นั่นเพราะเขาไม่ยอมรับถึงความเสี่ยงของการลงทุนนั่นเอง คุณต้องเข้าใจว่าเมื่อคุณเข้าซื้อหุ้น ณ จุดไหนก็ตาม คุณอาจคิดผิดก็ได้ คุณต้องเข้าใจให้ได้ก่อนว่า คุณไม่สามารถวิเคราะห์ถูกต้องทุกครั้ง หรือกราฟอาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้ การเก็งกำไรคุณอาจผิดพลาดได้ นั่นจะทำให้คุณสามารถขายขาดทุน และตั้งหลักใหม่ได้เร็วขึ้นด้วย

Mark douglas พูดไว้ว่ากว่า 95 % ของการขาดทุนเกิดจากความคิดของคุณเอง มาจาก 4 ความกลัวคือ กลัวขาดทุน กลัวพลาดโอกาส กลัวผิดพลาด กลัวสูญเสียกำไร เมื่อความกลัวเหล่านี้ครอบงำ หรือแม้กระทั่งความบ้าบิ่นของคุณเอง นั่นเหมือนม่านหมอกบังตา ที่จะทำให้คุณขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่สามารถทำในสิ่งที่คุณคิดได้ นั่นทำให้คุณไม่สามารถทำกำไรได้อย่างที่ควรจะเป็น

ผมขอสรุปใน Video เห็นว่ามีประโยชน์มาก ต้องขอบคุณคุณmod ที่อุตส่าต์แปล video ดีๆ นะครับ
แหล่งที่มา http://mangmaoclub.com/trading-psychology/

boyles

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

มาลองเทรด Demo ก่อนเข้าตลาดจริงกัน

พอดีวันนี้คุยกับเพื่อน แล้วสนใจที่จะทดลอง Trade ก่อนแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็พยายามหา Simulation แต่มันก็ไม่มี มีแต่ที่เขาแข่งขันกัhttp://click2win.tsi-thailand.org/SETClick2WIN/index.jsp แต่ก็อาจจะมีเปิดการแข่งขันเป็นช่วง แต่ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดดู อันนี้น่าจะเหมือนการ Trade กันจริงๆ อันนี้ Update นิดนึงครับ 16 กุมภาพันธ์ 2553: เปิดตัวกันมาตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.53 ใครยังไม่ได้สมัครเข้าร่วมแข่งขันคงต้องรีบกันหน่อยแล้วนะครับ เพราะถ้าสมัครภายใน 28 ก.พ.นี้ คุณจะได้รับสิทธิแข่งขันถึง 4 รอบ จำง่ายๆ คือ เดือน 3 6 9 และ 11 ซึ่งรอบแรกก็คือเดือนมีนาคมนี้แล้ว

แล้วก็อีกอันที่ง่ายๆ ก็เลยแนะนำให้ลองเข้าไปเล่นดูใน www.settrade.com หรือให้ไปสมัคร http://www.settrade.com/C01_RegistrationMember.jsp สมัครฟรี ลองมาดู Capture กัน อันนี้เป็น account ผมที่สมัครไว้นานมากแล้ว

หลังจากสมัครแล้ว login ก็ตามไป Click ที่รูปเลยนะครับเพื่อขยาย
1. เลือกหน้าสมาชิก ก็จะเข้ามาในส่วนของเรา
2. เลือกบันทึกราคาหลักทรัพย์
3. ใส่ชื่อหุ้นตัวที่เราสนใจ เราสามารถดูได้ว่าตอนนี้เขาซื้อขายกันอยู่เท่าไหร่ใส่ได้มากสุด 10 ตัว
4. เราสามารถเลือก auto refresh ได้
5. ยังสามารถดู Tfex ได้ด้วย รายละเอียดเรื่องนี้ต้องไปอ่านอีกทีที่ http://www.tfex.co.th/
6. เลือกพอร์ตลงทุนจำลอง
7. เราสามารถเลือกดูในส่วนของ เงินสด หุ้น กองทุน หรือฟิวเจอร์
8. เลือก ฝาก/ถอน เพื่อทดลองเติมเงินลงไป เท่าไหร่ก็ได้
9. สมมุติว่าเราซื้อหุ้นไปก็ใส่ buy volume= จำนวนหุ้นที่เราซื้อ price= ราคาที่เราซื้อ com rate = .15 ถ้า Trade เองผ่านหน้าจอคอม และ .25 ถ้า Trade ผ่านมาร์เกตติ้ง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขั้นบันไดแล้วก็เอาอันนี้คร่าวๆไปก่อน ถ้าเราขายก็ใส่คำสั่ง sell ไป เมื่อเราสั่งซื้อแล้ว หน้าจอก็จะคำนวณให้เทียบกับราคาปัจจุบันว่าตอนนี้ เรากำไรหรือขาดทุนอยู่เท่าไหร่ และกี่เปอร์เซ็นต์

อันนี้ก็ลองไปเล่นคร่าวๆ ดูก่อน ก็น่าจะช่วยได้นิดนึงในส่วนของการเริ่มต้น แต่ถ้าจะเรียนรู้จริงๆ คงต้องลงเงินจริงๆ ถ้ามีใครรู้ว่ามี program simulation ยังไงก็ช่วยบอกด้วยนะครับ น่าจะทำให้เห็นภาพได้ดีขึ้น

Boyles

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อนักเล่นหุ้นฟุ้งซ่านกับตัวเอง เราจะจัดการมันอย่างไร


บางครั้งผมก็รู้สึกอย่างที่ ดร. Brett N. Steenbarger พูดขึ้นทีเดียว เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมองตลาดอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น ทำไมถึงเกิดความรู้สึกอย่างนี้ขึ้น แล้วเราจะแก้อย่างไร เราควรจะเปลี่ยนมุมมองอย่างไร ถ้าใครอยากดู vdo สัมภาษณ์ดร.คนนี้ ก็ตามไปชมตาม link ข้างล่างเลยนะครับ อันนี้ผมสรุปไว้อ่านล่ะกัน

ดร. breet ได้สรุปสั้นเกี่ยวกับพฤติกรรมแย่ๆในการเล่นหุ้น
การมัวเมาอยู่กับการเล่นหุ้น คล้ายพนัน หรือการเข้าไปในบ่อน เพราะกำไรจากการเล่นหุ้นส่วนใหญ่มาจากการ อดกลั้น เพื่อที่จะรอความได้เปรียบ และโอกาส
เพราะถ้าคุณตื่นเต้นคุณจะไม่มีความอดกลั้น และจะไม่รอโอกาสที่ได้เปรียบ

เมื่อนักเล่นหุ้นตัดขาดทุน แต่หุ้นกลับไม่ลงต่อ เขาจะเกิดความฟุ้งซ่าน และหน้ามืด และลงเล่นต่อแม้ในสถานกาณ์ที่ไม่ได้เปรียบเลย นั่นเป็นที่มาของการขาดทุนหนักขึ้น

และเมื่อเขาฟุ้งซ่าน พวกเขาจะคิดถึงแต่กำไร-ขาดทุนที่เกิดขึ้นเท่านั้น โดยที่ไม่ได้เพ่งสมาธิไปที่ตลาด ซึ่งเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ

กฎง่ายของดร.คือ "เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังคิดถึงแต่ตัวเอง หรือกำไร-ขาดทุนที่เกิดขึ้นแล้ว คุณกำลังหลงทาง คุณควรจะเพ่งสมาธิไปที่ตลาดหุ้น ไม่ใช่ตัวคุณเองครับ"

boyles
ดู VDO เพิ่มเติมได้ที่ link ข้างล่างเลยครับ
แหล่งที่มา http://mangmaoclub.com/self-sabotage-behaviors/

สวัสดีปีใหม่ครับ 2010

วันนี้ก็เปิดตลาดวันแรก volumn น้อยมาก หลังจากได้พักผ่อนยาวปีใหม่ก็กลับมาหน้าดำ คร่ำเครียดศึกษากันต่อไป ยืมหนังสือมาก็ทำท่าว่าจะอ่านไม่จบ อีก 2 วันก็ต้องเอาไปคืนแล้ว ก็คงอาจจะสรุปแต่หัวข้อแล้วว่างๆ ค่อยไปยืมมาใหม่

สวัสดีปีใหม่ครับ 2010 มีความสุข รวยๆ เฮงๆ ทุกคนครับ