ห้องสมุดข้อมูล ข่าวสำคัญ Stocks Finance เทคนิค Technique Trade หุ้น สรุปความรู้ต่างๆ เพื่อทบทวนและศึกษา
วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555
เล่น Future อย่าเล่น Spread นะครับ เป็นบทความที่ผมเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2010
*** เล่น Future อย่าเล่น Spread นะครับ เป็นบทความที่ผมเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2010 ล่ะครับ ผ่านไปกี่ปี ก็ยังมีคนหมดตัวกับ spread ตลอด ฝากไว้สำหรับมือใหม่ในตลาด Future นะครับ ***
เสน่ห์ของ Future คือ Magic of Compound นะครับ แต่คนส่วนมากไม่สามารถอยู่ได้ถึงการเรียนรู้ในช่วงที่สามารถทำกำไรมหาศาลของตลาด Future ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน และหนึ่งในนั้นคือ Spread ด้วยเช่นกันครับ
เล่น TFEX อย่าเล่น Spread นะครับ Share ประสบการณ์
พอดีวันนี้ ว่างนิดๆ ก็คิดถึงเรื่อง spread ที่ลุงโฉลกเตือนเอาไว้ ก็เลยอยากจะมา Share idea เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ้งผมก็เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้เช่นกัน และก็เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณลุงได้เตือนเอาไว้เช่นกัน
Spread นี่ที่เห็นเขาพูดๆกัน ก็เห็นมีหลายอย่าง(ถ้าผิดขออภัย) นับตั้งแต่การหาสินค้าที่วิ่งตามกันในตลาดอย่างเช่นตลาดเกษตรล่วงหน้าที่ประเทศไทย Afet เทียบกับตลาดเกษตรที่ญี่ปุ่น Tocom เพราะถ้า 2 ตลาดนี้วิ่งไปในแนวโน้มตรงข้ามกัน ท้ายที่สุดมันจะปรับเข้าหากัน แต่ผมว่าเหมาะแก่การนำไปวิเคราะห์รวมกันมากกว่าการเล่น Spread
หรือ การดูผลต่างระหว่าง 2 สัญญาใน Future แล้วทำกำไรจากการบีบตัว หรือทิ้งห่างกันของสัญญาที่ใกล้เคียงกัน
หรือใช้ในการ fix ขาดทุน เพื่อบรรเทาการขาดทุนเมื่อเรามองผิดทาง
ผมขอ Share ประสบการณ์ผมล่ะกัน ผมเล่น Future แล้วผม Short เอาไว้เยอะมาก เมื่อหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ port ของผมจึงติดลบเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ได้ถูก Broke นึงแนะนำให้ fix ขาดทุนโดยการเล่น long เมื่อตลาดขึ้นแรงๆจึงปิดสัญญา และเล่นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนมีสัญญาณกลับตัวจิงๆ ถึงกลับมา Short เพิ่มอีกทีนึง จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นครับ เจ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานแล้ว แต่ยากจะลืมเลือน ^^
อาจจะมีคนเล่นแล้วได้กำไร แต่ประสบการณ์ผม และลุงโฉลกที่ได้เตือนไว้ ผมไม่คิดว่า Spread จะทำกำไรให้เรามหาศาล และถ้าเราใช้ไม่ถูกจังหวะ จะเสียเอาง่ายๆ ดังนั้นเราจะไปยุ่งทำไม สำหรับผม เอาเวลาไปวิเคราะห์กราฟดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าวิธีนี้ทำกำไรให้เรามหาศาลค่อยเอาเวลาไปศึกษาดีกว่าครับ สำหรับมือใหม่ไม่แนะนำเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่า Broke จะแนะนำทำไม และผมก็ไม่คิดว่า Broke จะทำกำไรได้สักเท่าไหร่จากการเล่น Spread ด้วย
หลังจากเลิกยุ่ง Spread ชีวิตดีขึ้นครับ(แล้วก็เลิกยุ่งกะ Broke นั้นด้วย) ถ้าผิดทาง Cut loss ไปเลย ไม่ต้องไปนั่งมัวคิดว่าจะ Spread อีกฝั่งวุ่นวาย ความจริงเล่นหุ้นคิดแบบง่ายๆก็ หุ้นขึ้นเราเล่นลงก็เจ๊งครับ จะใช้วิธีไรก็เจ๊ง ยังไงผมก็ยังยืนยันว่าผิดทางให้ Cut loss เทคนิคดียังไง ผิดทางยังไงก็ขาดทุน ไปมีสมาธิเอากับเทคนิคการอ่านกราฟ จุด cut loss หรือ stop profit ดีกว่าครับ คุ้มกว่าเยอะ
ผมก็ขอเอาบทความลุงโฉลกส่วนนึงที่พูดเกี่ยวกับเรื่อง Spread มาให้เพื่อนได้พิจารณา และระวังด้วยครับ
สมาชิกจำนวนหนึ่งของเราถูกหลอกให้ลงทุนใน Spread ของตลาด Futures และบางรายอาจหาญเข้าตลาด Forex ผลคือการขาดทุนหมดเนื้อหมดตัว ชมรมโฉลกดอทคอมสอนสมาชิกให้ลงทุนพอให้มีกำไรอย่างรู้จักความ พอเพียง ไม่ได้สอนวิธีหาเงินมากมายร่ำรวยง่ายๆ ใครก็ตามที่หวังร่ำรวยมากๆ ง่ายๆ จากการลงทุน ต้องไปหาวิธีการจากที่อื่น ไม่ได้แปลว่าที่อื่นไม่ดี ไม่ได้แปลว่าที่อื่นไม่ถูกต้อง ไม่ได้แปลว่าที่อื่นไม่เก่ง ไม่ได้แปลว่าที่อื่น ฯลฯ เพียงแต่บอกว่าที่นี่สอนการลงทุนตามระบบที่ได้กำไรแค่ พอเพียง เท่านั้น ครูทุกคนของชมรมจะเน้นการลงทุนในตลาดหุ้น (SET) จนแน่ใจว่าสมาชิกมีความสามารถพอเพียงแล้วจึงจะเริ่มสอนให้ลงทุนในตลาด Futures แต่เราไม่แนะนำให้ใช้ราคาระหว่างวัน (Intraday) และไม่แนะนำให้ลงทุนในตลาด Forex แต่ไม่ได้แปลว่าการใช้ Intraday และ Forex เป็นเรื่องผิด เพียงแต่บอกว่าที่นี่สอนการลงทุนตามระบบที่ได้กำไรแค่ พอเพียง เท่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือชมรมไม่สอนให้เล่น Spread
ปรกติการลงทุนในตลาด Futures เช่น TFEX ต้องมี Initial margin และ Maintenance margin และบ่อยครั้งที่นักลงทุนโดน Margin call เมื่อ trade ผิดทางด้วย เมื่อตลาดเริ่มขึ้น นักลงทุนส่วนมากจะซื้อ Long positions มากกว่า Short positions ทำให้สภาพคล่องของ Brokers เกิดปัญหา จึงมีคำสั่งให้ marketing ชักจูงให้ลูกค้าเล่น Spread โดยอ้างเหตุผลต่างๆ (ที่หลอกลวง) ผลของการเปิด spread ทำให้จำนวน Open long positions ลดลงทันที บริษัทฯ สามารถใช้เงินในกิจการอื่นได้ และรับ order จากลูกค้าได้เพิ่มขึ้น เมื่อการลงทุนผิดทาง แทนที่จะ stop loss ตามระบบ บริษัทฯ กลับหลอกลวงให้ลูกค้าเปิด spread ซึ่งลงเอยด้วยความหายนะเสมอ นี่คือความโหดเหี้ยมอำมหิตของธุรกิจ แต่ไม่ได้แปลว่าทุก Brokers ทำอย่างนี้นะครับ Brokers ดีๆ มีมากมาย และ Brokers เลวๆ ก็มีมากมาย ชมรมมีสมาชิกอาวุโลที่เป็น Marketing ที่ดีหลายคน สมาชิกที่เริ่มลงทุนใหม่ ควรพิจารณาเลือกบริษัทฯ Brokers ด้วยความระมัดระวัง
หวังว่าจะได้ประโยชน์กันมั้งนะครับ
Boyles
Posted by Tavatchi (boyles) at Friday, August 20, 2010
http://big-move-club.blogspot.com/2010/08/tfex-spread-share.html
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555
กฏการเทรด 10 ข้อ และการอยู่รอดในตลาด ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจ
เมื่อคุณเป็นนักเก็งกำไร คุณจะมีความกลัวลดลงกว่าคนทั่วไป เพราะคุณถูกดึงดูดในเรื่องการทำเงินให้ได้ ในขณะที่คนอื่นจะกลัวการขาดทุน
ความโลภเป็นอุปสรรคต่อนักเทรดทั่วไป ความโลภจะทำให้คุณมีความหวังหลงเหลือ ความโลภจะทำให้คุณผลีผลามเข้าในจังหวะที่เสียเปรียบ และออกเร็วเกินไป ความหวังคือศัตรูตัวหลักเพราะมันทำให้คุณฝันถึงกำไรมหาศาล
และออกไปสู่โลกแห่งความฝัน เชื่อผมเถอะ !!! โลกของการเก็งกำไร มันมีจริง และคนมากมายศูนย์เสียเงินที่ตัวเองเก็บมาทั้งชีวิต ชีวิตคู่พัง ครอบครัวแตกแยก จากการได้เสียอย่างมากมายในตลาดนี้
ความกลัวเป็นสาเหตุ ให้คุณไม่กล้าทำในสิ่งที่คุณควรจะทำ ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อ ความได้เปรียบมาถึง แน่นอนมันตรงข้ามกับความโลภที่เป็นสาเหตุให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
แต่ผมบอกได้อย่างเดียวคือ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผมกลัวมากเท่าไหร่ โอกาสชนะของผมที่จะได้กำไรกลับมีมากขึ้น นักลงทุนทั่วไปกลัวและเอาตัวเองมาจากตำแหน่งที่ได้เปรียบ
และ 10 ปีต่อมา ลูกสาวเขาอายุ 16 ปี ก็ชนะรางวัลการเทรด โดยทำเงินจาก 10000 เหรียญ เป็น 1 แสนเหรียญ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีสูตรลับใดๆ ไม่มีกราฟมหํศจรรย์ใดๆ เธอแค่ทำตามรูปแบบการบริหารเงินเหมือนที่ผมได้ทำ
มีเรื่องราวมากมายของนักเทรด อย่าง jesse livermore, john gates, niederhoffer, frankie joe และอีกมากมาย คนพวกนี้เดิมพันสูงมาก และสูญเสียเงินตัวเองหมดในท้ายที่สุด
ผมเดิมพันน้อยลง ควบคุมความเสี่ยงให้ได้ ไม่มีวิธีใดหรอกที่จะอยู่รอดในตลาดโดยปราศจากการควบคุมความเสียหาย
แต่ไม่ใช่ผม !!! ผมเชื่อว่า หลักๆแล้ว หลักการจริงๆแล้ว คือการเป็นผู้แพ้ ผมถามคำถามคุณ คุณคิดว่า ผมที่มี stop อย่างผม และเทรดอย่างถูกต้อง หรือคนที่เทรดด้วยความเชื่อโดยปราศจากเหตุผล คุณคิดว่าใครจะแพ้
ระหว่างผม หรือ คนที่คิดในแง่ดี
ทำไมเทรดเดอร์ถึงขายทำกำไรเร็วเกินไป
สองสิ่งที่นักเทรดผิดพลาดจนต้องเดินออกนอกตลาด (ตอนที่ 3)
สองสิ่งที่นักเทรดผิดพลาดจนต้องเดินออกนอกตลาด (ตอนที่ 3)
มีเทรดเดอร์เก่งๆมากมายรู้ล่ะ และเริ่มทำการ short ตั้งแต่ปลายปี 1999 ถ้าย้อนไปดูกราฟ nasdaq ก็ลงมหาศาลแต่เกิดขึ้นในช่วงต้น
เทรดเดอร์เก่งๆ พวกนี้ วิเคราะห์ถูกต้อง แต่โชคร้ายที่หุ้นยังคงวิ่งขึ้น
ถึงแม้มันจะได้ผลบ้าง แต่เมื่อมันหลุดแนวรับจริงๆแล้ว
ถ้าโชคดีหุ้นขึ้น นักเทรดเหล่านี้ก็จะไม่เสียเงิน
จิตวิทยาการเทรด ผลกระทบจากการเทรดขาดทุน ตอน 2
จิตวิทยาการเทรด ผลกระทบจากการเทรดขาดทุน ตอน 2
คราวนี้เราจะมาดูส่วนประกอบที่ส
ดังนั้นความกลัวที่จะผิดพลาด และความต้องการที่จะเป็นฝ่ายถูก
ถูกต้อง = ประสบความสำเร็จ
เทรดได้กำไร = ถูกต้อง
เทรดได้กำไร = ประสบความสำเร็จ
ผิดพลาด = ล้มเหลว
เทรดขาดทุน = ผิดพลาด
เทรดขาดทุน = ล้มเหลว
ผมจะให้วิธีการเทรดกับคุณนะ วิธีนี้ คุณจะต้องเทรด 100 ครั้งต่อปี ด้วยค่าเฉลี่ยการได้กำไร 100 จุด และเฉลี่ยขาดทุน 20 จุด คุณก็รับแผนการเทรดของผมกลับบ้า
แต่คุณดันบอกเพื่อนคุณด้วย เพื่อนคุณจึงขาดทุน 100 จุดตั้งแต่แรกเริ่มทีเดียว ตอนนี้คุณจะรู้สึกแย่มาก และเป็นตัวตลกในหมู่เพื่อนของคุ
หลังจากนั้น คุณก็เทรดติดต่อกันมา 5 ครั้ง ได้กำไรครั้งล่ะ 10 จุด ตอนนี้คุณจึงได้กำไรมา 50 จุด และคุณตื่นเต้นกับมันมาก รีบบอกเพื่อนคุณ ภรรยาคุณ ว่าคุณเจอระบบที่สมบูรณ์แล้ว แล้วก็ show statement ให้เพื่อนคุณดูเป็นการแก้แค้น
day 1 winner winner
day 3 loser winner
day 6 loser winner
day 9 loser winner
day 12 loser winner
day 15 loser winner
จิตวิทยาการบริหารเงิน สิ่งที่แยกระหว่างนักเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
จิตวิทยาการบริหารเงิน สิ่งที่แยกระหว่างนักเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
2 เรื่องที่สำคัญของการเทรด money management and the psychology of money management,
การทำสมาธิและการเทรด สำคัญมากๆนะครับ
สิ่งนึงที่ผมให้ความสำคัญมากเป็นลำดับต้นนอกจากเทคนิค คือเรื่องของจิตวิทยา การทำสมาธิ ถ้าใครเคยอ่าน ประวัติผมในช่วงที่ผมผ่านช่วงเลวร้ายในการเทรดมาได้นี่ครับ ผมต้องไปฝึกตัวเองโดยการนั่งกรรมฐานเลยทีเดียว เพื่อที่จะทำใจให้สงบ มีสมาธิการเทรดดีขึ้น เพื่อนผมพาไปนั่งกรรมฐานกับหลวงปู่ปุณยริต และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มันทำให้ผมเทรดได้ดีขึ้นมากเลยทีเดียว จากตอนนั้น 6 เดือนให้หลังผลกำไรผมได้เพิ่มขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อในระดับ 400 – 500 % ทีเดียวในขณะที่ SET50 วิ่งอยู่ในช่วง 700 +- 7% ทั้งที่ไม่ได้คิดว่าจะได้นะครับ แต่ระดับการตัดสินใจ การทำสมาธิ การควบคุมอารมณ์ในการเทรด ผมรู้สึกว่าดีขึ้นมากจริงๆ
ที่ผมอยากจะ Share บางครั้งผมก็ไม่ได้ทำสมาธิ ก็มีบางช่วงหลุด เทรดไม่ดีเลย การตัดสินใจแย่ พอกลับมานั่งสมาธิ ก็กลับมาเทรดได้ดีอีกครั้ง ผมเจอกับตัวเอง ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์หรือความเชื่อส่วนตัวหรือไม่ แต่สำหรับผม มันมีผลต่อการเทรด และการเป็นเทรดเดอร์จริงๆครับ
นอกจากผมก็ยังมี mudley (เป็นคนไทยที่เป็น hudge fund ที่ต่างประเทศ) ก็เป็นอีกคนที่ยังให้ความสำคัญของการศึกษาธรรมะ รวมถึงการทำสมาธิเพื่อช่วยในเรื่องของการเทรด เพราะเขาก็เคยถึงขนาดต้องไปหาหมอประสาท รวมถึงกินยากล่อมประสาท เพื่อให้ควบคุมตัวเองให้ได้ในระหว่างการเทรด จนเป็นที่มาของความจำเลือนหายไปบางส่วน จนท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการนั่งสมาธิ ศึกษาธรรมะ เขาก็เป็นอีกคนนึงนะครับที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และยังสรุปอีกว่า ของไทยเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ดีกว่าฝรั่งเยอะทีเดียว
ใครสนใจก็เข้าไปอ่านใน blog ของ mudley ในบางส่วนของเขานะครับ http://mudleygroup.blogspot.com/2010/02/close-fund.html
วันนี้ก็ผสมธรรมะเล็กน้อยนะครับ รวมถึงที่หลวงพ่อจรัญก็เคยบอกไว้ว่า เรานั่งกรรมฐานไม่ใช่เพื่อไปนิพพานอย่างเดียว แต่เราฝึกเพื่อให้เราเดินทางได้ถูกต้อง และทำให้เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเราเช่นกัน ไม่ใช่ผลดีทางธรรมอย่างเดียว ยังรวมถึงทางโลกเช่นกันครับ ^^
5 หนทาง ในการจัดการกับตลาดที่เต็มไปด้วยความกลัว
เริ่มแรกเรามาทำความเข้าใจกับ ตลาดเบื้องต้นก่อนตลาดหุ้นให้โอกาสกับนักเทรดทุกคนอยู่แล้ว ทุกคนสามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ทุกคนมีอิสระในการสร้างผลลัพธ์ และกำไรให้กับตัวเอง
“ตลาดไม่สามารถทำอะไรนักเทรด ที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง และเทรดได้ตามแผนการของตนเองอย่างเคร่งครัด ในทุกสภาวะตลาด”
First let us understand some market basics. Markets exist to facilitate trade. From moment to moment the market offers traders the opportunity to profit from price movement. It’s an environment where every trader has the freedom to create his own results, i.e. all the choices and the power to exercise those choices reside with the trader.
‘Scary’ implies fear, anxiety, or insecurity.
In his book, The Disciplined Trader, Mark Douglas addresses these issues in a no-nonsense, no holds barred way.
Let me give you an example of his views on this subject:
“It was only the lack of trust I had in myself to do what was needed to be done that I was really afraid of.”
“The market is never wrong in what it does; it just is.”
“The market cannot take anything away from you that you don’t allow.”
“In the trading environment the outcome of your decisions is immediate, and you are powerless to change anything except your mind. You have to learn to flow with the markets; you are either in harmony with them or you are not.”
It becomes self evident that your trading success will be dependent on your ability to correctly perceive opportunity, to execute a trade arising from that perception and your ability to allow your profits to accumulate.
Are You Consumed by Fear?
Markets are inherently scary. If you are a trader consumed by fear, then the market will always be scary, and the only variable is how scary it is at any given time. When consumed by fear a trader is doomed to failure. Fear will twist your perceptions and blind you to the opportunities available. Fear will almost always drive us to make the wrong action, and it will without question make us totally incapable of accumulating profits that might be made.
Even for disciplined and proven successful traders, the markets can be scary. Objectively scary markets can be quantified by the Volatility index, the VIX – the ticker symbol for the Chicago Board Options Exchange (CBOE) Volatility Index. It is constructed using the implied volatilities of a wide range of S&P 500 index options. This volatility is meant to be forward looking and is calculated from both calls and puts. The VIX is a widely used measure of market risk and is often referred to as the “investor fear gauge.” Levels below twenty are associated with market complacency and over thirty with increasing market anxiety. Extremes are often excellent contrarian indicators.
Chart courtesy of Barchart.com
Trading should be considered a business, and your rules should reflect good business practices. These would include adequate capitalization. Conservation of capital is your primary job. If you are under-capitalized, you are half way to the losers stall before you even start.
Over-Trading & You
Do not over-trade. This too will drain your energy, your attention to detail, your perception of price changes and the efficiency of your trade execution. Over-trading will inevitably drain your capital from your account to the guy on the other side of your trades, who you can be sure does not have his/her perceptions blunted. If you have this as your guiding star, chances are you will eventually succeed in this business. Preserving capital is closely associated with risk management, and I will address this in the five things you can do when there is evidence of market anxiety.
1) Stick to a Trading System that has proved itself over time to be profitable despite losing trades. No system is 100% correct. It only needs to be correct 50% of the time if profits are substantially greater than losses.
2) Never Anticipate Your System. Let your system fully play out so that its various criteria are fulfilled before entering your trade. When in doubt keep out or if already in a trade, get out!
3) Always Use Stops; NEVER trade without them. Make it your practice to enter your stop loss trade before you enter your trade.
4) Never Let a Winning Trade Become a Losing Trade; use a trailing stop once your trade is showing a profit. Once a trade is showing a two-point profit, consider bringing in your stop to the entry price. Should the market unexpectedly reverse, it would be a scratch trade. After that trail your stop two points for every two point prices move in your favor.
5) Trade with the Trend. Do not attempt to pick tops and bottoms to trade against the trend.
Following these principles and spending the time necessary to create the psychological stability necessary to succeed is the most difficult part of this profession. Your goal should be to have the self knowledge and confidence that you unquestionably believe in your trades. Identify with Mark Douglas’ dictum, “markets can’t do anything to any trader who completely trusts himself to act appropriately, in his best interests, under all market conditions.”
Larry Levin
Founder & President- Trading Advantage
วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนการเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น หรือ Future
ขอเอาคำพูดที่ผมชอบ เอามาเป็นช่วงที่สำคัญและเป็นข้อคิด เตือนใจในการเข้ามาเก็งกำไรในตลาดนะครับ
90% คือจิตวิทยาการลงทุน อีก 10% อยู่ที่วิธีการลงทุน
ราคาของหุ้นนั้น จะแยกตัวไปคนละทางกับมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของมัน
โดยที่มันถูกขับเคลื่อนไปด้วยอารมณ์ของฝูงชน
และคุณควรจะตระหนัก หรือรับรู้ไว้ว่า..นี่คือแรงขับเคลื่อนของตลาดหุ้นที่แท้จริงครับ
นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่นั้น..มักพบว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกินในการที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น
นั่นก็เพราะว่า… “พวกเขาเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของราคามีรูปแบบของมัน จนเกินกว่าความเป็นจริงครับ”
พวกเขามักคิดไปว่า ราคาหุ้นควรจะเป็นอย่างไร ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว คุณไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอนเลยว่า พรุ่งนี้.. จะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง! Larry Levin คือนักเก็งกำไรที่มีประสบการณ์มามากกว่า 20 ในตลาด
ได้บอกกับเราว่า..ความลับในการที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นนั้น คือการที่คุณต้องเปลี่ยนวิธีคิดของคุณ และเชื่อจริงๆว่า..
คุณไม่มีวันรู้.. ว่าตลาดจะวิ่งไปทางไหน
คนที่ฉลาดมากๆส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นคนสุดท้าย ที่จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น
เพราะพวกเขามักรู้สึกว่า พวกเขาสามารถที่จะ..
รู้ได้ว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร!
คุณต้องกลับมาตระหนักให้ดีว่า..
คุณไม่สามารถไปบังคับอะไรมันได้
ดังนั้น คุณจึงควรกลับมาบังคับตัวคุณแทน”
นักเก็งกำไรมืออาชีพอย่าง Larry Levin ได้บอกกับเราว่า
เขาต้องใช้เวลาถึง 5 ปี กว่าที่เขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
และเขายังได้บอกกับเราอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะต้องรู้ และเข้าใจก็คือ..
“คูณไม่มีวันรู้ได้อย่างแน่นอนว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร”
ดังนั้น จงอย่ายึดติดกับ “ความเห็น” ของคุณค่ะ
ผมอยากจะบอกว่า “จุดตัดขาดทุน” นั้น
เปรียบเสมือน “เพื่อน” ของคุณครับ
แต่สำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่หลายๆคนนั้น
พวกเขามักที่จะไม่ยอมใช้มัน
จงเขียนกฏในการเข้าซื้อ-ขายของคุณ
และทำตาม “กฏ” ของคุณอยู่ตลอดเวลาค่ะ
ในโลกของการเก็งกำไรนั้น คุณจะต้องมีระบบของคุณเอง
คุณจะต้องรู้ว่า คุณต้องการที่จะ..
สุญเสียเงินคุณมากเท่าไหร่ในแต่ละครั้ง
ในขณะที่คุณกำลังพยายามที่จะเรียนรู้ในตลาดหุ้นค่ะ
จงเล่นด้วยเงินทีละน้อย!
เช่น แค่ 1-2 สัญญาหากคุณเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า
หรือซื้อหุ้นไม่เกินครั้งละ 100 หุ้นเท่านั้นค่ะ
ความจริงแล้วในบางครั้ง การเริ่มต้นเก็งกำไรด้วยเงินจำนวนมากนั้น
อาจะทำให้..
คุณยิ่งหมดตัวเร็วขึ้นก็ได้ครับ
เขาได้บอกกับเราว่า ปัญหาหลักๆสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คือ
พวกเขาไม่ได้กระจายความเสี่ยงอย่างเพียงพอนั่นเอง
เขากล่าวว่า นักลงทุนทั่วๆไปนั้น มักทำผิดพลาด
ด้วยการถือหุ้นประมาณ 2 ตัว ด้วยเงินที่เท่าๆกัน
หรือคิดเป็นตัวละประมาณ 50% ของเงินทุนเลยทีเดียว
และเขายังได้บอกเราอีกว่า วิธีการที่จะเอาชนะอุปสรรค จากอารมณ์ของเราได้นั้น
คือการมีระบบการลงทุนที่ดี และ “วินัย” ที่จะทำตามระบบได้เป็นอย่างดี
เดี๊ยวผมว่าจะกลับมา update ใหม่นะครับ มันงงๆ เดี๊ยวว่าจะลบแล้วสรุปดีกว่า
Boyles
http://mangmaoclub.com/trading-psychology-first-business-tv-1/
http://mangmaoclub.com/trading-psychology-first-business-tv-2/
updating