วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554

แนะนำการเริ่มต้นครับ มา share กันครับ

จะเขียน money management ก้อยังไม่ได้เขียนสะที เพิ่งได้หนังสือจากคุณมดมาก็ยังอ่านไม่จบ จะได้เอามา share กันเพิ่มเติ่มด้วย เดี๊ยวอ่านจบจะสรุปรวมไปเลยครับ ยังไงก็ต้องขอบคุณมดด้วย ครายสนใจเพิ่มเติมก็แอบ promote web ให้คุณมดด้วยครับ www.mangmaoclub.com ครับดีมากครับ ^^

ก้อมีเพื่อนๆเข้า group มามากขึ้นนะครับ ก้อว่างๆ จะได้ share idea กันสำหรับมือใหม่ๆนะครับ

สิ่งแรกที่เราต้องรู้ผมคิดว่า เราต้องค้นหาตัวเองให้เจอก่อน ค้นหาตัวเองในเรื่องอาไรบ้าง เดี๊ยวลองมาดูกันครับ สิ่งที่ผมพอนึกออกก็คงแบ่งได้ดีังนี้

1. เราจะเป็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ พื้นฐาน เพราะวิธีการคำนวณทางพื้นฐานและเทคนิคก็มีวิธีต่างกัน หรือเราจะคัดหุ้นโดยวิธีทางพื้นฐานแล้วใช้เทคนิคในการจับสัญญาณในการเข้า ออกก็มีคนใช้เยอะเช่นกันครับ

ความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญครับ ไม่ว่าจะเทรดโดยวิธีใดก็ตามผลลัพธ์ที่เราต้องการคือกำไร ดังนั้นถ้าเราเทรดกับสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกเรา นั่นจะทำให้เราไม่สามารถเทรดได้ตามที่เราคาดไว้

สรุปนะครับ เราอาจจะหา web ที่ให้ความรู้ทางพื้นฐาน ซึ่งก้อมีหลาย web เหมือนกันศึกษาเรื่องนี้ ส่วนตัวผมเองเป็นนักเทคนิคล้วนครับ ไม่ดูข่าว ไม่สนใจพื้นฐาน นั่นก็มาจากความเชื่อครับ ถ้าสนใจเทคนิคก้อยินดี share ครับและก็ยังมีอีกหลาย web ที่ให้ความรู้ทางด้านเทคนิค แต่ข้อควรวระวังคือ มีการให้นิยามในเรื่องเทคนิคหรือการใช้ indicator บางอย่างผิด ซึ่งจะทำให้เป็นที่มาของการขายหมูหรือตกรถ (ขอไม่ยกตัวอย่างนะครับ เดี๊ยวมันจะ advance ไป) และไม่สามารถทำกำไรได้

หลังจากเราศึกษาและตัดสินใจเลือกแนวทางของตัวเองแล้ว สิ่งต่อไปผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาการลงทุน

2. เราอาจจะต้องลองเทรดดูก่อนครับ ว่าเราอยากเป็นนักเทรดระยะยาว กลางหรือสั้น อย่างเช่นบางคนชอบตัดสินใจเร็วๆ ก็อาจจะชอบการเทรดระยะสั้น ซึ่งการใช้เครื่องมือ การอ่านค่า indicator ต่างๆก็ย่อมต่างกับการเทรดระยะยาว อย่างของผมก็จะชอบเทรดระยะกลาง และถือยาวหน่อย เพราะผมเป็นคนตัดสินใจช้า ต้องดูโน้น ดูนี่เยอะ ดังนั้นการเทรดสั้นๆ จะขัดกับตัวผมเองมาก การเลือกและการใช้เครื่องมือต่างๆจะไม่เหมือนกับนักเทรดระยะสั้นมากๆ ตรงนี้เราอาจจะต้องลองเทรดสักพักก่อน แล้วดูว่าเราชอบแบบไหนครับ

ส่วนตัวก้อพอแนะนำการเริ่มศึกษาเทคนิคได้บ้างครับ
ก็ขอแนะนำคร่าวๆดังนี้ครับ
แนวคิดของนกเทคนิค คือ การคำนวณ probability ความน่าจะเป็นของ possibility การขึ้น ลงโดยดูจากกราฟเทคนิค เมือเราศึกษาหา pattern ที่ % มันถูกมากกว่าผิดเราย่อมมีโอกาสชนะมากขึ้น ตลาดที่มีการ random input ตลอดเวลา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกทุกครั้ง ดังนั้นทำไมเราจึงต้องมี stoploss แต่เมื่อเรารู้โอกาสในการชนะเรามากกว่าผิด เราย่อมมีโอกาสชนะในตลาดในระยะยาว

มาดูแนวคิดของนักเทคนิค อันนี้เอามาจากลุงโฉลกเลย
1. Market Action Discounts everything (การเคลื่อนไหวของหุ้นจะถูกแสดงออกมาผ่านกราฟ โดยได้ประมวลทุกอย่างแล้ว เช่น การคาดการณ์กำไร ขาดทุน แนวโน้มของบริษัท PE มูลค่าหุ้น .... ความโลภ ความกลัว)
2. Prices Move in Trends หมายความว่า ขึ้นแล้วจะขึ้น แพงแล้วจะมีแพงกว่าอีก แต่ถ้าลงแล้วจะลงอีก ถูกแล้วจะมีถูกกว่าอีก
3. History Repeats itself เมื่อเราเห็น pattern ต่างๆ ซึ่งในอดีตมันเป็นยังไง เมื่อมันเกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน มันก็จะเป็๋นอย่างเดิมอีก

การเทรดลงในกระดาษ เราตอ้งทำอาไรบ้างลองดูนะครับ
http://set-financial-academy.blogspot.com/2010/01/trading-system.html
1. Setting up Exercise
1.1 เลือกตลาด
1.2 เลือกหุ้นหรืออนุพันธ์ที่มีสภาพคล่อง และระวังการเล่น margin ด้วย

นี่คือแนวทางที่คุณจะฝึกด้วยเงินจริงๆ แต่ผู้สอนอยากจะให้ทดลองเล่นในกระดาษก่อน

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งบอกว่ามีคนมากมายเข้ามาในตลาดหุ้น แต่มีเพียงคนเดียวที่เป็นเศรษฐีได้ โดยการแค่ Trade หุ้น IBM ตัวเดียว

2. เลือกแนวทางที่เราจะซื้อ-ขาย
2.1 อาจจะเป็นการวิเคราะห์พื้นฐาน หรือเทคนิคก็ได้ หรืออาจจะเป็นสถิติ ความน่าจะเป็นขึ้น ให้เข้ากับตัวคุณเอง
2.2 คุณต้องคำนึงว่ามันไม่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบ ความคิดเห็นของคุณจากการวิเคราะห์เทคนิค หรือกำไร ขาดทุนที่เกิดขึ้น มันขึ้นอยู่แค่คุณจะสามารถทำตามระบบได้หรือไม่ โดยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

3. Trading System Requirement
3.1 Trade Entry ต้องรู้จุดเข้าที่แน่นอน
3.2 รู้จุดขายขาดทุน Stop loss
3.3 Time Frame เช่น intraday 30 นาที หรือ 60 นาที หรือ day เข้าด้วยTime frame ไหนออกด้วย Time frame นั้น
3.4 จุดที่คุณจะขายทำกำไร
3.5 ต้องลองซื้อ-ขายหลายๆครั้ง และวัดผลได้โดยไม่น้อยกว่า 20 ครั้งของการเทรด Trading in Sample sizes
3.6 มีการจัดการความเสี่ยงไปด้วย Accepting the risk

สุดท้ายสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราทำกำไรและอยู่รอดในตลาดหุ้นคือ trend นะครับ
http://set-financial-academy.blogspot.com/2009/12/whipsaw-song-by-ed-seykota.html
เมื่อเราอยู่ใน trend จะให้กำไรเราคืนทั้งหมด กับความผันผวนทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างทาง

ก้อมีสิ่งที่จะแนะนำเท่านี้แหล่ะครับ ถ้าเพื่อนคนไหนจะมา share idea ก็ดีนะครับ จะได้ช่วยๆกันแนะนำ สร้างสังคมแบ่งปันครับ ^^

boyles

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น