วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เทคนิคการอ่าน volume และพฤติกรรมตลาด

เทคนิคการอ่านโวลุ่มในการเล่นหุ้น Tape Reading By Linda Bradford Raschke

วันนี้นำเรื่องน่าสนใจอีกเรื่องมาให้อ่านกันครับ เป็นเรื่องที่หาข้อมูลศึกษาค่อนข้างยากพอสมควรแม้จะเป็นในต่างประเทศก็ตาม ผมพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ที่ยังมีขายกันอยู่ก็มีเพียงไม่กี่เล่มที่เป็นหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะเท่านั้น นั่นก็คือเรื่องของการอ่านโวลุ่มการซื้อขายจากบิด-ออฟเฟอร์ หรือที่เรียกกันว่าTape Reading ครับ โดยวันนี้ผมนำมาจากบทความของคุณ Linda Bradford Raschke เจ้าเก่ามาให้อ่านครับ

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

การอ่านโวลุ่มการซื้อขายจากบิด-ออฟเฟอร์ในการเล่นหุ้น

ในบางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราจะย้อนกลับมาทบทวนความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดง่ายๆ ในขณะที่ตลาดหุ้นกำลังมีความผันผวนที่สูงมากอย่างในขณะนี้ ถึงแม้ว่าระบบการลงทุนและรูปแบบของราคาต่างๆนั้น จะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการที่จะวิเคราะห์ถึงสภาพการณ์โดยรวม แต่อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง Richard Dennis ก็ยังเคยพูดถึงการเรียนรู้ที่จะ “คาดการณ์” สัญญาณซื้อ-ขายที่จะเกิดขึ้นขึ้น เพื่อที่ในบางครั้งอาจช่วยในการขายหุ้นได้เร็วขึ้น และช่วยในการแยกแยะว่าการซื้อ-ขายของเราในครั้งนี้ได้ผลหรือไม่

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

การอ่านโวลุ่มการซื้อขายหุ้นด้วย Tape Reading

“เทคนิคในการเล่นหุ้นต่างๆนั้น แท้จริงแล้วก็คือความสามารถเฉพาะตัวของนักเล่นหุ้น จากการที่เขาได้เรียนรู้ สังเกต และทำการทดลองสมมุติฐานของเขา เพื่อช่วยในการที่จะหาสัญญาณซื้อ-ขายหุ้นในสภาวะต่างๆของตลาดนั่นเอง”

-George Douglas Taylor

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

เราอาจกล่าวได้ว่า Tape reading นั้น คือการศึกษาและฝึกฝนการเคราะห์หุ้นจากโวลุ่มและการเคลื่อนไหวของราคา ที่เกิดขึ้นในรูปแบบของ Ticker Tape ของคนสมัยก่อน เพื่อช่วยในการคาดการณ์ถึงสภาพของตลาดในขณะนั้นนั่นเอง

แท้จริงแล้ว Tape Reading นั้นไม่มีอะไรที่มากไปกว่าการมองไปที่ราคาของหุ้นแล้วถามตัวคุณเองว่า “ในตอนนี้นั้นราคาอยู่ในแนวโน้มขึ้นหรือลง?” มันไม่มีความเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคสมัยใหม่ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการเปิดใจของคุณให้กว้างเอาไว้ตลอดเวลา

แม้กระทั่งนักเล่นหุ้นมือใหม่นั้น ก็ยังมีความสามารถที่จะสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับราคาหุ้นได้ว่า มันกำลังวิ่งขึ้นหรือวิ่งลงในขณะนั้น หรือแม้กระทั่งรู้ได้ว่าราคาหุ้นนั้นไม่ได้วิ่งไปไหนเลย (ราคาหุ้นไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลาก็ได้!) และมันยังก็ยังเป็นการง่ายมากที่จะสังเกตเห็นว่า ราคาหุ้นได้วิ่งขึ้นไปและเริ่มที่จะหยุดนิ่งเช่นกัน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะก็ตาม

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

หุ้น LindaRaschkeฉันได้รู้จักกับนักเก็งกำไรมืออาชีพหลายต่อหลายคนจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในอาชีพของฉัน จริงๆแล้วฉันไม่อยากที่จะทำให้คุณผิดหวังหรอกนะ แต่ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรู้จักคนแค่เพียงสองคนเท่านั้น ที่สามารถที่จะหาเลี้ยงตนเองได้จากการเล่นหุ้นด้วยการใช้ระบบการลงทุนอัตโนมัติในการเล่นหุ้น (ไม่นับรวมคนที่เป็นผู้บริหารกองทุนชั้นนำ) นักเก็งกำไรที่สามารถอยู่ได้ด้วยการเล่นหุ้นนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีความสามารถในการที่จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ

หากคุณนั้นสามารถที่จะวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ล่ะก็ นั่นหมายถึงว่าคุณจะมีความได้เปรียบกว่านักเก็งกำไรคนอื่นได้ถึงสองก้าวเลยทีเดียว เนื่องจากว่าราคาที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นคือข่าวสารที่เร็วที่สุดมากกว่าสิ่งใดๆนั่นเอง คุณอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ข้อมูลที่เป็นความจริงนั้นอยู่ในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนั่นเอง” งานของคุณในฐานะของนักเก็งกำไรหุ้นจะง่ายขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่าหลังจากคุณได้ยอมรับความจริงข้อนี้ นั่นหมายถึงคุณควรที่จะ เลิกฟังข่าวสาร, ความเห็น, หรือแม้กระทั้งความคิดของใครบางคนนั่นเอง

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

แน่นอนว่า การจ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวของราคาอย่างเดียวนั้นสามารถที่จะสร้างความสับสนกับคุณเป็นอย่างมาก หากคุณนั้นไม่มีแนว ทางในการวิเคราะห์มัน เปรียบเหมือนกับการล่องเรืออกทะเลโดยไม่มีหางเสือนั่นเอง คุณจะโดนคลื่นซัดไปซัดมาอยู่กลางทะเลโดยไม่รู้ว่าจะไปทางใด อย่างไรก็ตาม มีเทคนิคหลักๆอยู่ 2 อย่างในการวิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น อย่างแรกก็คือ การเปรียบเทียบราคาในปัจจุบันกับ “จุดอ้างอิง” บางอย่าง และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมนักเล่นหุ้นหลายๆคนจึงเลือกที่จะใช้ แนวรับ-แนวต้านนั่นเองซึ่งมันก็ใช้ได้ผลดีทีเดียว มันคือหนทางที่ง่ายที่สุดที่คุณจะสามารถบอกได้ว่า ตลาดกำลังวิ่งไกลออกไป หรืออยู่ใกล้ๆจุดอ้างอิงนั้น และนี่เป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ว่า ทำไมคุณจึงสามารถที่จะรับความรู้ได้ดีกว่า หลังจากที่คุณได้เข้าซื้อหุ้นไป เพราะจุดอ้างอิงที่ว่านั้นก็คือ ระดับราคาของหุ้นในขณะที่คุณได้เข้าซื้อไปนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม จุดอ้างอิงบางอย่าง เช่น จุดสูงสุด-ต่ำสุดในแต่ละวันนั้น อาจมีความสำคัญมากกว่าจุดอ้างอิงอื่นๆ (ซึ่งบางคนอาจเถียงว่าจุดอ้างอิงบางจุดที่พวกเขาได้คำนวณเอาไว้มีความสำคัญมากกว่า ซึ่งฉันคงไม่ไปเถียงด้วยหากว่ามันสามารถใช้ได้ดีกว่าจริงๆ) ฉันมักที่จะเพ่งสมาธิและให้ความสำคัญไปที่แนวรับ-แนวต้านซึ่งทุกคนที่มีส่วนร่วมอยู่ในตลาดเห็นพ้องกัน พูดย่อๆแล้วก็คือ เมื่อคุณต้องการจะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคานั้น คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ นั่นก็คือ มันวิ่งไปไกลแค่ไหน เร็วแค่ไหน และในทิศทางใดนั่นเอง โดยคุณจำเป็นที่จะต้องมีจุดอ้างอิงสองจุดในการที่จะวัดสิ่งต่างๆเหล่านี้ นั่นก็คือ ระดับราคาในขณะนี้ และระดับแนวรับ-แนวต้านนั่นเอง

*อย่าเอาแต่มองไปที่ราคาเพียงอย่างเดียว คุณควรมองราคาของหุ้นด้วยความพยายามที่จะวิเคราะห์ถึงบางสิ่ง หรือไม่ก็เพื่อคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อถึงระดับราคานั้นๆ

การตอบสนองของตลาด (Market Response)

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

“การศึกษาต่อการตอบสนองของตลาดในรูปแบบต่างๆ จะช่วยให้เรามีแนวทางในการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งมีความสมบูรณ์ที่มากขึ้น”

-Rollo Tape(Richard Wyckoff), 1910

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

เทคนิคข้อที่สองในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคานั้นก็คือ การอ่านการตอบสนองของตลาดในสภาวะต่างๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือ การคาดการณ์ถึงพฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นมานั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากว่าตลาดนั้นอยู่ในช่วงที่มีความผันผวนน้อยมากๆ และได้เริ่มวิ่งทะลุออกไปจากกรอบของมัน เราอาจจะคาดหวังถึงพฤติกรรมของตลาดว่ามันควรจะเริ่มเกิดความเร่งในการเคลื่อนไหวของราคาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และไม่ควรที่จะพบกับแรงต้านอย่างรวดเร็วนั่นเอง หรืออีกตัวอย่างก็คือ หากเราต้องการที่จะทำกำไรจากทิศทางหลักของการเคลื่อนไหวของราคาล่ะก็ หากว่าราคาของหุ้นนั้นเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วในตลาดที่มีแนวโน้มอย่างชัดเจนแล้วเกิดการหยุดพักลงมาอย่างบางเบา เราสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าราคาของหุ้นนั้นจะกลับมาวิ่งต่อในทิศทางเดิมของแนวโน้มหลักอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่เรานั้นรู้ว่าเราควรที่จะคาดหวังพฤติกรรมอะไรจากมันนั้น มันจะเป็นการง่ายขึ้นในการที่จะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา เพื่อที่จะดูว่ามันทำตัวอย่างที่เราหวังเอาไว้หรือไม่นั่นเอง

ยกตัวอย่างเช่น ตลาดนั้นตกลงมาอย่างรุนแรงหลังจากเกิดข่าวร้ายขึ้นหรือไม่? เมื่อหุ้นพักตัวมันสามารถหาแนวรับเจออย่างรวดเร็วหรือไม่หลังจากที่มันวิ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง? มันวิ่งไปเจอกับตอ..หรือกำแพงแนวต้านแล้วหล่นกระแทกลงมาหรือไม่ แนวต้านนี้แข็งแกร่งแค่ไหน? และสิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างของการคาดหวังการตอบสนองของตลาดในสถานการณ์ต่างๆนั่นเอง

จริงๆแล้ว Tape Reading นั้น ก็เหมือนกับการเล่นเทนนิส แล้วมองดูว่าคู่ต่อสู้ของคุณนั้นตีลูกบอลกลับมาอย่างไรนั่นเอง

ส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการที่จะเรียนรู้พฤติกรรมของการเคลื่อนไหวของราคา และการเก็บสะสมประสบการณ์สำหรับความเป็นนักเล่นหุ้นหรือเก็งกำไรนั้นก็คือ การเรียนรู้ว่าเรานั้นควรที่จะคาดหวังถึงสิ่งใดนั่นเอง หลังจากนั้นคุณจึงเรียนรู้ต่อไปว่าอะไรคือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นจากการตอบสนองของตลาด มันจะง่ายมาขึ้นในการที่จะคาดหวังถึงการตอบสนองซึ่งมักจะเกิดขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่า เช่นมองหาสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆประมาณ 70% แทนที่จะเป็น 30% นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองที่ผิดไปของตลาดนั้นก็สามารถที่จะกลายเป็นกลยุทธ์ในการทำกำไรที่ดีได้เช่นกันเมื่อมันเกิดขึ้น ในบางครั้งแล้ว สัญญาณที่ถือเป็นสัญญาณหลอกอาจสามารถทำกำไรให้คุณได้มากกว่าสัญญาณที่เป็นจริงก็ได้ ยกตัวอย่างสัญญาณหลอกเช่น เมื่อราคาของหุ้นนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆของแนวรับ-แนวต้าน หรือที่เรียกว่า รูปแบบสามเหลี่ยม (Classic Triangle Pattern) เรานั้นมักคาดหวังที่จะเห็นว่าเมื่อราคาของมันทะลุออกไปในทางใดทางหนึ่งนั้นควรที่จะมีการซื้อ-ขายตามมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หากว่าราคาของหุ้นได้ทะลุตกลงมานิดหน่อย แล้ววกกลับขึ้นไปพร้อมกับโวลุ่มและโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้น และวิ่งทะลุกรอบแนวต้านขึ้นมาล่ะก็ บางทีจุดกลับตัวที่ยิ่งใหญ่อาจกำลังเกิดขึ้นแล้วก็ได้ และมันอาจจะทำให้ราคาหุ้นยังจะวิ่งขึ้นไปอีกพอสมควรนั่นเอง

เคล็ดลับเล็กๆน้อยอย่างสุดท้ายนั่นก็คือ การมองไปที่ราคาในภาพของ “ระดับ” ของราคาต่างๆเช่น S&P ได้วิ่งมาถึงระดับ 1100 แล้ว หรือระดับ 1060 คือจุดต่ำสุดของรอบ โดยที่ทุกๆ 10 หน่วยนั้นหมายถึงระดับราคาหนึ่งระดับนั่นเอง คุณควรใช้เลขกลมๆในการที่จะเป็นจุดอ้างอิงสำหรับแต่ละระดับ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรที่จะซื้อ-ขายตามตัวเลขเหล่านี้ มันเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการจัดระเบียบของข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งเหล่านักเก็งกำไรมืออาชีพได้ฝึกฝนกันโดนสัญชาติญาณนั่นเอง

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

แนวรับ-แนวต้าน

นักเล่นหุ้นซึ่งมีความฉลาดหลักแหลมนั้นจะจดจำจุดต่ำสุด-สูงสุดของราคาหุ้นในวันก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี และเขานั้นก็ยังรู้ถึงจุดต่ำสุด-สูงสุดของหุ้นในวันนี้อีกเช่นกัน นอกจากนี้เขายังสนใจเกี่ยวกับราคาเปิด ซึ่งสามารถที่จะบอกให้เราทราบได้ว่าเมื่อเปิดตลาดนั้น แรงซื้อหรือแรงขายเป็นผู้ที่ควบคุมตลาดอยู่

จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันก่อนหน้า และราคาเปิดของวันนี้นั้นมีผลอย่างมากต่อจิตวิทยาการลงทุนของนักเล่นหุ้นในตลาด และเป็นจุดซึ่งเป็น “แนวรับ-แนวต้าน” ที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งที่คุณควรที่จะรู้เอาไว้ และโดยการที่คุณเพิ่งสมาธิและให้ความสำคัญไปยังพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาใกล้ๆระดับเหล่านี้นั้น จะช่วยให้คุณสามารถลดงานในการอ่านโวลุ่ม บิด-ออฟเฟอร์ของคุณออกไปได้มากทีเดียว เพราะหลายต่อหลายครั้งนั้น ตลาดจะเปิดเผยสิ่งต่างๆออกมาก็ต่อเมื่อมันเข้าใกล้ระดับที่สำคัญนี้นั่นเอง

ระดับของจุดต่ำสุด-สูงสุดของวันก่อนหน้านั้นมักที่จะอยู่ในระดับหนึ่งในกรอบของราคา คุณควรพยายามที่จะหาทางขายทำกำไรทันทีเมื่อราคาแตะระดับเหล่านี้ในตลาดที่เคลื่อนที่อยู่ในกรอบแคบๆหรือ Side Way Market แต่ในตลาดซึ่งมีแนวโน้มที่ชัดเจนนั้น ราคาของหุ้นมักที่จะวิ่งทะลุระดับเหล่านี้ไปสักพักก่อนที่จะเริ่มพักตัวลงมา และเมื่อตลาดนั้นมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากๆล่ะก็ ราคาเปิดของมันก็มันจะกลายเป็นระดับที่สำคัญที่สุดขึ้นมาทันที

หุ้น tickertape 5

Ahhh ...."Whooooooooooooshh"

หากว่าเรานั้นมองไปที่จุดต่ำสุด-สูงสุดของวันก่อนหน้า และราคาเปิดในมุมมองของแนวรับ-แนวต้านนั้น เราก็สามารถที่จะมองไปที่การเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นว่า มันได้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและพลุ่งพล่านหลังจากที่มันได้ข้ามผ่านระดับเหล่านี้ไปได้หรือไม่อะไรคือพฤติกรรมของความ “พลุ่งพล่าน” ของราคาหุ้นน่ะหรือ? มันเป็นสิ่งที่ฉันมักจะเรียกเอาเองว่า “วูชชชช” ซึ่งคล้ายกับว่าราคาได้วิ่งไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันพึ่งมีชีวิตขึ้นมาเป็นครั้งแรกไงล่ะ โดยที่มันมักที่จะวิ่งขึ้นไปหลายช่วงราคาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแรงสวนลงมาสักช่องเดียว เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นนั้น ราคาของหุ้นมักที่จะพักตัวลงมานิดเดียวเพียงชั่วครู่ แล้วตามมาด้วยการวิ่งไปอย่างรวดเร็วและพลุ่งพล่านที่มากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง ซึ่งหากว่าคุณลองวัดหรือเก็บสถิติรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบ “วูชชชชชชช” ที่เกิดขึ้นนี้ล่ะก็ คุณจะพบว่าราคาของหุ้นมักที่จะพักตัวแล้ววิ่งไปต่อมากถึง 2 ใน 3 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยสำหรับการที่จะทำให้คุณมี “กำไรคาดหวัง หรือ Expectation ที่เป็นบวกได้” จากเพียงแค่คุณพยายามมองหาการเคลื่อนไหวในรูปแบบง่ายๆนี้

วิธีการเล่นหุ้น วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว Tape Reading นั้น ไม่ใช่การวิเคราะห์ไปถึงออเดอร์ที่ผ่านเข้ามาในทุกๆครั้ง (นั่นจะกลายเป็นงานที่หนักทีเดียว) แต่มันคือการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและพลุ่งพล่านอย่างผิดปกติ โวลุ่มที่เข้ามาอย่างผิดปกติ หรือแม้กระทั่งสังเกตอาการของราคาหุ้น ณ ระดับที่สำคัญต่างๆ การเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละรอบที่ขึ้นหรือลงนั้น มีผลต่อการคาดคะเนถึงการเคลื่อนไหวในรอบต่อไปเช่นกัน หน้าที่ของเราคือการเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของราคานั้นว่ามันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั่นเอง

Tape Reading นั้นถือเป็นหัวใจอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่เล่นหุ้นในรูปแบบ Swing Trading เลยทีเดียว เมื่อเราต้องการที่จะวิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวในระยะสั้นนั้น การใช้อินดิเคเตอร์อาจกลายเป็นสิ่งที่ช้าเกินไปขึ้นมา

ท้ายที่สุดนี้ นักเล่นหุ้นและนักเก็งกำไรทุกคนจึงควรที่จะรู้สึกถึงความเป็นอิสระ จากการที่พวกเขาสามารถที่จะใช้การอ่านกราฟเพื่อที่จะวางแผนการลงทุนของเขา และสามารถที่จะบอกได้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ขณะนี้นั้นมันผิดหรือไม่จากการที่เขาสามารถอ่านบิด-ออฟเฟอร์ หรือใช้ Tape Reading ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

ขอบคุณบทความนี้ นำมาจาก blog ของคุณมดครับ ไปเยี่ยมได้ที่

http://mangmaoclub.com/tape-reading-linda-1/

http://mangmaoclub.com/tape-reading-linda-2/

boyles

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น