ห้องสมุดข้อมูล ข่าวสำคัญ Stocks Finance เทคนิค Technique Trade หุ้น สรุปความรู้ต่างๆ เพื่อทบทวนและศึกษา
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
การวิเคราะห์ Fund Flow และ Six Stages of Business Cycle
วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
FTEX อีกทางเลือกของการเก็งกำไร อัตราหลักประกันและค่าธรรมเนียม
สำหรับผมก็ Trade Future Set50 มาก็พักใหญ่ๆแล้วนะครับ ความจริง Stock future ก็น่าสนนะครับ แต่อาจจะติดที่ volume มันน้อย แต่เนื่องจากเราไม่ได้เล่นเยอะที่ต้องเปิด ปิดที่เป็นพันๆสัญญา ดังนั้นผมจึงไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหามากนัก ยกเว้นสำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้นมาก
สำหรับการ Trade future ทั้ง Set50 และ stock Future เราอาจจะเรียนรู้ไว้เป็นทางเลือกในการเก็งกำไรในตลาดจะดีกว่า ความจริงวัตถุประสงค์จริงๆน่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยง แต่เอาเป็นว่า ผมจะพูดแนวการเก็งกำไรมากกว่า
ที่ผมจะลงต่อไปจะเป็นตารางหลักประกันและค่าธรรมเนียมนะครับ บางทีผมก็ลืมสำหรับ future stock บางตัว ดังนั้นจึงขอเอา update ลง blog จะได้ดูง่ายๆหน่อย
สำหรับคนไม่เคยเทรดผมจะเขียนคร่าวๆ สำหรับคำศัพท์แต่ล่ะอันนะครับ จะได้อ่านตารางแล้วเข้าใจนะครับ
สำหรับสัญลักษณ์ เช่น เทรด future set50 จะเป็น S50U10 (S50 = SET50, U = สัญลักษณ์ของเดือน, 10 = ปี 2010) สำหรับสัญลักษณ์ของเดือนจะเป็น (H = เดือน 1-3, M = เดือน 4 - 6, U = เดือน 7 - 9, Z = เดือน 10 - 12) และสำหรับ stock future เช่นถ้าเราจะเทรด TTA Future ที่จะหมดอายุภายในปี 2010 เดือนกันยา(เดือน 9) สัญลักษณ์จะเป็นดังนี้ TTAU10
สำหรับในตารางจะมีดังนี้ initial margin = ค่าหลักประกัน, Maintenance margin = มูลค่าหลักประกันที่เราจะมีน้อยกว่านี้ไม่ได้ คือถ้าเราเทรดผิดทางแล้วเสียเงิน มูลค่าหลักประกันเราจะลดลงแต่ห้ามน้อยกว่านี้ หรือเราอาจจะเติมเงิน ห้ามต่ำกว่านี้ ถ้าเราปล่อยให้มูลค่าในพอร์ตเราลดต่ำกว่า maintenance margin เราจะมีสองทางเลือกคือ โดยบังคับปิดสัญญา หรือเติมเงินให้เท่ากับมูลค่าเริ่มต้น initial margin (force close)
สำหรับช่องต่อไปคือค่านายหน้าผมอ่านแล้วก็งงๆ เอาเป็นว่า broke บอกผมว่าจะประมาณเท่ากับราคาหุ้นเลยอย่างเช่น pttepu10 ราคา 144 ค่านายหน้าจะประมาณ 144 บาทไปเลยสำหรับการเปิด หรือปิดสัญญา(ขาเดียว)
สำหรับค่าธรรมเนียมช่องสุดท้ายก็ + เข้าไปตาหากแล้วก็ไป x vat เอาครับ
สำหรับ option นี่ผมขอข้ามนะครับเพราะอาจจะเข้าใจยากกว่าเพราะมันจะมี call push buy sell เปิด ปิด สัญญา อาจจะต้องทำความเข้าใจมากหน่อยแต่ไม่ยากครับ
สำหรับเรื่องทำกำไร ผมขอยกตัวอย่างสั้นๆ ล่ะกันนะครับ ใครอยากลองต้องมาเล่นดูครับ KTBU10 เทรดกัน 13 บาท เราวางเงิน 1000 บาทก็เทรดได้แล้วครับ เพราะ หลักประกัน = 950 ค่านายหน้า = 13 ค่าธรรมเนียม = 0.5 รวม = 963.5 บาท
การทำกำไรจะเป็นดังนี้ จะคิด .1 จุด = 100 บาท และ 1 จุด = 1,000 บาท
ถ้าเรา long (ซื้อขึ้น) 13 บาท แล้วไปขาย 13.2 เราจะได้กำไร 200 - (13.5 + 13.5) = 173 บาท ถ้าตีเป็นเปอร์เซ็น เราสามารถทำกำไร ได้ 17.3 % ทีเดียวจากการวิ่งแค่ 2 ช่องครับ
เห็นกำไรแล้วอย่าเพิ่งตื่นเต้นนะครับ เพราะอย่าลืมคำนวณ margin ด้วยนะครับ ในทางกลับกันเราก็อาจจะเสียเยอะก็ได้ครับ Hi risk hi return ก็เป็น idea สำหรับอีกทางเรื่องของการเก็งกำไรล่ะกันครับ
ไว้แค่นี้ก่อนล่ะกันครับ เรามาดูตารางกันดีกว่า จบไปนอนล่ะครับ
boyles
I
อัตราหลักประกันและค่านายหน้า+ค่าธรรมเนียม
ตารางแสดงอัตราหลักประกันและค่านายหน้า+ค่าธรรมเนียมในการซื้อหรือขายข้างเดียว (Outright) 1 สัญญา สำหรับอัตราหลักประกันของการซื้อขายแบบ inter-month spread นั้น มีค่าเท่ากับ outright margin/4
Product | Initial Margin | Maintenance Margin | Force Close | ค่านายหน้า* | ค่าธรรมเนียม** |
(บาท) | (บาท) | (บาท) | (บาท) | ||
SSF | | | | | |
ADVANC*** | 8,449 | 5,915 | 2,535 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
BANPU | 60,800 | 42,560 | 18,240 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 5 บาท |
BAY | 2,660 | 1,862 | 798 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
BBL | 13,300 | 9,310 | 3,990 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 5 บาท |
ITD | 570 | 399 | 171 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
KBANK | 9,500 | 6,650 | 2,850 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
KTB | 950 | 665 | 285 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
LH | 950 | 665 | 285 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
PTT | 26,600 | 18,620 | 7,980 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 5 บาท |
PTTEP | 17,100 | 11,970 | 5,130 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 5 บาท |
QH | 380 | 266 | 114 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
SCB | 9,500 | 6,650 | 2,850 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
SCC | 24,700 | 17,290 | 7,410 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 5 บาท |
TTA | 3,800 | 2,660 | 1,140 | 0.1% ของมูลค่าสัญญา | 0.5 บาท |
Gold | | | | | |
Gold Futures | 57,000 | 39,900 | 17,100 | 1-5 สัญญาแรก = 450 บาท | 50 บาท |
6-20 สัญญาถัดไป = 350 บาท | |||||
21 สัญญาขึ้นไป = 250 บาท | |||||
Index | | | | | |
SET50 Futures | 45,600 | 31,920 | 13,680 | 1-5 สัญญาแรก = 400 บาท | 50 บาท |
6-20 สัญญาถัดไป = 300 บาท | |||||
21 สัญญาขึ้นไป = 200 บาท | |||||
SET50 Options | แปรผันตามระดับความเสี่ยง | แปรผันตามระดับความเสี่ยง | แปรผันตามระดับความเสี่ยง | 1-25 สัญญาแรก = 80 บาท | 5 บาท |
(เฉพาะฐานะShort) | 26-100 สัญญาถัดไป = 60 บาท | ||||
| 101 สัญญาขึ้นไป = 40 บาท |
หมายเหตุ * สูตรการคำนวณอัตราค่านายหน้าและค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย Single Stock Futures (1 สัญญามีขนาดเท่ากับ 1,000 หุ้น) คือ
{ [ มูลค่าต่อสัญญา x อัตราค่านายหน้า + อัตราค่าธรรมเนียม ] x VAT 7% } x จำนวนสัญญา
** อัตราค่าธรรมเนียมนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.พ. 53 – 31 ธ.ค. 53 โดย SSF ที่มีราคาไม่เกิน 100 บาท จะมีค่าธรรมเนียม 0.5 บาท และ SSF ที่มีราคาสูงกว่ากว่า 100 บาท จะมีค่าธรรมเนียม 5 บาท
*** SSF ของ ADVANC 1 สัญญา มีขนาดเท่ากับ 1,059 หุ้น
วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Double Dip Recession BDI และหุ้น ถึงเวลาที่ต้องระวังหรือยัง
1. The Baltic Handymax Index (BHMI) นำค่าระวางเฉลี่ยบนเส้นทางเดินเรือหลักทั้งแบบ voyage และ time charter เฉพาะการเช่าเรือขนาด Handymax มาคำนวณดัชนี
2. The Baltic Panamaz Index (BPI) นำค่าระวางเฉลี่ยบนเส้นทางเดินเรือหลักทั้งแบบ voyage และ time charter เฉพาะการเช่าเรือขนาด Panamax มาคำนวณดัชนี
3. The Baltic Capesize Index (BCI) นำค่าระวางเฉลี่ยบนเส้นทางเดินเรือหลักทั้งแบบ voyage และ time charter เฉพาะการเช่าเรือขนาด Capesize มาคำนวณดัชนี
4. The Baltic Dry Index (BDI) ดัชนี BDI เป็นการคำนวณจากการเฉลี่ยจาก BHMI, BPI และ BCI ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงภาพรวมของค่าระวางของทุกขนาดของเรือนั่นเอง
รัฐบาลหน้าเหลี่ยมลูกหมากเน่า หลอกเราครั้งแรกโดยใช้นโยบายกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาล อ้างว่านำมาเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายอันเป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตามความเป็นจริงก็เพื่อเอาเงินงบประมาณมาซื้อเสียงโดยใช้นโยบายประชานิยมเท่านั้นเอง วันนี้รัฐบาลหน้าหล่อ ก็ใช้นโยบายเดิม อ้างว่าต้องกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มรายจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตามความเป็นจริงก็เพื่อเอาเงินงบประมาณมาให้พรรคร่วม ทุจริตคดโกงชาติ นิทานหลอกเด็กนี้ทำให้เกิดการส่งเสริมธุรกิจทุกชนิด รวมทั้งที่ไม่ควรส่งเสริม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจแรกๆที่ได้รับการกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่เกินความจริง เมื่อใดที่เศรษฐกิจกลับมาสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งหนึ่งก็จะเกิดภาวะฟองสบู่ของภาคอสังหาริมทรัพย์ขึ้นอีก ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะไม่สร้างความเสียหายให้เฉพาะลูกหนี้ของธนาคารเท่านั้น แต่เงินกู้ยืมปริมาณมหาศาลของภาครัฐจะเกิดปัญหาไม่สามารถใช้หนี้ได้ สิ่งที่จะตามมาคือตลาดพันธบัตรจะมีปัญหา ผู้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลขาดทุนแน่นอน และผลเสียก็จะตามมาถึงตลาดหลักทรัพย์ด้วย
Dow Jones Industrial Average มี Pattern ของ Wave 3-4-5 โดยเกิด Bearish convergence
ใครก็ตามที่คิดว่าเศรษฐกิจของโลกพ้นจากภาวะ Recession แล้ว ควรคิดอีกครั้งหนึ่ง
Time scale ของ Corrective wave A-B-C ไม่สั้นอย่างนี้แน่นอนครับ
เรากำลังจะได้เห็น Double Dip Recession
S&P 500 ก็แสดง Pattern ชัดเจนว่าสิ่งที่จะตามมาคือ Double dip Recession ไม่ใช่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยิ่งยืนตามที่รัฐบาลของโลก
(ที่เรียกตัวเองว่า) เสรี ทุนนิยมสามานย์ พยายามหลอกลวงประชาชน
10-year Treasury notes ของอเมริกา แสดง Rule of 3 คือการทำ New High ครั้งที่ 3
ซึ่งมักจะตามมาด้วย Reversal to the down side และนั่นย่อมหมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแปลว่าตลาดหลักทรัพย์ราคาจะลดลง บัดนี้อัตราดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยของเราก็เช่นเดียวกัน ราคา SET Index ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำทีท่าจะเป็น Pivot reversal หรือเปล่า? สถานะการณ์ทางการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ รอวันปฏิวัติรัฐประหารทางใดทางหนึ่ง ภัยคุกคามจากอเมริกาที่ต้องการยึดครองบ่อ Gas และบ่อน้ำมันในอ่าวไทย โดยใช้อาวุธคือ ทุนและกฏหมาย ผ่านเขมรเป็นเครื่องมือคุกคามไทย ภัยคุกคามจาก Singapore ที่ใช้อาวุธคือ ทุนและกฏหมาย เช่นเดียวกัน เข้ามายึดครองธนาคารทุกธนาคาร และอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ ทางออกของประเทศดูมืดมนธ์ ตลาดหลักทรัพย์เริ่มส่งสัญญาณอันตราย หวังว่าสมาชิกคงเตรียมพร้อมถ้ามีสัญญาณขายเกิดขึ้น
ลุงโฉลก
หวังว่าคงมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ
Boyles
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ทฤษฎีใหม่ของโลก กับcomment น่าสนใจจากนักวิเคราะห์คนนึง
มาดูที่คำที่เขา quote ไว้นะครับ เขากล่าวไว้ว่าอย่างไรบ้างกับทฤษฏีใหม่ของโลก
"Eight vultures : อีแร้ง 8 ตัว
คำพูดที่เหน็บแหนบมันอาจจะจริงบ้าง ถูกใจใคร หรือไม่ถูกใจใครบ้าง แต่ก็บ่งบอกถึงความหวังดี ที่ให้ระวังการเล่นหุ้นในกลุ่มพวกนี้ด้วยนะครับ ดูไปก็น่าคิดนะครับ + ขำๆ ยังไงใครเล่นหุ้นพวกนี้อยู่ถ้ามีสัญญาณขายก็อย่าลืมออกมานะครับ แล้วก็ที่ตลกนั้นคือ ทฤษฎีใหม่ที่พยายามฝืนตลาดอยู่ เลยโดนตั้งเป็นอีแร้งแปดตัวสะเลย วันนี้ก็เข้าสู่อีแร้งตัวที่ 7 แล้วนะครับ อย่าดูถูกไป อาจจะเป็นจริงก็ได้ :)
ส่วนทฤษฎีนี้ ไม่ต้องไปหานะครับ ผมหาแล้วครับ ไม่มีครับ ไม่ต้องเสียเวลาหา ไม่เจอแน่นอนครับ ดูกันขำๆพอครับ สำหรับผม เรื่องข่าวกับหุ้น อ่านไปก็ปวดหัวครับ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ปกติผมอ่านข่าวรวมๆมากกว่า ไม่ค่อยเน้น อ่านข่าวแล้วเทรดหุ้นครับ เพราะกราฟบอกทุกอย่างอยู่แล้ว อย่างเรื่องของ THCOM ผมว่าเป็นการปั้นที่น่าเกลียดแห่งปีเลยครับ แล้วก็ loxley อีกข้ามไปดีกว่า เรื่องพวกนี้
อีกเรื่องครับ จากรูปก็น่าสนใจดีเรื่องของ cycle 34 วันที่เขายกมา ผมไม่คิดว่านี้จะเป็นหลักการที่เอาไปใช้จริงได้ แต่ให้เป็นสำหรับการสังเกตดีกว่าครับ เพราะว่าช่วง 34 วันในเดือนธันวาที่เขายกตัวอย่างมา คือช่วงที่กองทุนซื้อหุ้นตลอดทั้งเดือน ตลาดต่างประเทศลงยังไง ไทยก็ขึ้นครับ ช่วงนั้น fundflow จากต่างชาติก็ไม่มีเหมือนกัน เหมือนกับช่วงนี้ที่กองทุนซื้ออัดเข้ามาจะ 34 วันแล้ว โดยต่างชาติก็ไม่ได้เข้าเหมือนกัน ดังนั้นก็อาจจะโอกาสเป็นเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ ยังไงเรายึดระบบของเราเป็นหลักดีกว่า ถ้ามีสัญญาณขายก็ขายดีกว่า แต่ถ้าสัปดาห์หน้าลงก็น่าคิดนะครับ ลองมาดูเฉลยในสัปดาห์หน้ากันดีกว่า
ส่วนเรื่องของ fundflow ผมยังไม่คิดว่า จะมี fundflow จากต่างชาติเข้ามาในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะผมมองว่าจากการที่หุ้นจีนลงมาเยอะในช่วงหลังทำให้เงินน่าจะ flow ไปทางจีนมากกว่า อีกทั้งเหตุการณ์บ้านเมืองเราอีก และยังมีอัตราดอกเบี้ยในบ้านเรา เมื่อเทียบกับหุ้นปันผลในหลายๆตัวยังถือว่าถูก ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเงินที่สภาพคล่องในตลาดยังมากอยู่ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเกิด panic หนักๆ ถูกยังไงคนก็กลัวครับ ดังนั้นกำหนัดกลยุทธ์ดีๆนะครับ จุด stop ให้ดีๆ ส่วนตัวผมก็วิเคราะห์เรื่อยๆ ครับถูกๆ ผิดๆ คละเคล้ากันไปที่ http://set-financial-analysis.blogspot.com/ แต่ถ้ามีสัญญาณไม่ดีจะไม่รีรอที่จะรีบเตือนทุกคนครับ
ก็หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ แล้วก็ตลกๆกันไป(รึเปล่า)
boyles