วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

US Debt Crisis – 2012 VDO มาทำความรู้จักวิกฤตการเงินครั้งต่อไป


US Debt Crisis – 2012 VDO มาทำความรู้จักวิกฤตการเงินครั้งต่อไป

มีของฝากครับ พอดีอ่าน FreeFall ของ Joseph ความจริงก็เป็นหนังสือเก่าแค่เพิ่งเอามาแปล เขาบอกว่า วิกฤตการเงินในโลกนี้ นักเศรษฐศาสตร์ทำนายว่ามันจะเกิด 9 ครั้ง แต่เกิดจริง 5 ครั้งดังนั้น สถิติบอกได้นะครับ ว่านักเศรษฐศาสตร์มีสถิติการทำนายถูกประมาณ 50 กว่า % ดังนั้นช่วงนี้ มีเรื่อง currency crisis หรือ debt crisis ก็อยากให้มีวิจารณญาณดีๆนะครับ เพราะความจริงก็ยังมีหนทางแก้ไขอยู่ เราคงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดหน่อย นอกจากอเมริกายังดำเนินนโยบายแบบเดิมต่อไป เราก็คงต้องระวังให้มากขึ้นใน product การเงินต่างๆ
ถ้าอเมริกาแย่เราอาจจะดี(หุ้นไทยหรือในเอเชีย) ถ้าอเมริกาตาย เราก็ตายด้วยแน่นอนครับ

UBS conclude that the “violent sell-off hasn’t done any lasting damage to gold, and the reasons investors bought gold in recent months remain valid. Our one-month forecast of $1950 remains in place.”
UBS three month price view is $2,100 per ounce.
Non gold experts, many in the financial services industry, continue to warn of a bubble. Their analysis is extremely simplistic and almost exclusively based on recent price action.
However, the majority of those in the industry and the majority of gold market analysts remain bullish.
Throughout August, prior to the recent record nominal high and subsequent selloff, many banks raised their forecasts for the year.
SocGen raised its average gold price forecast to $1,950 an ounce for the fourth quarter of 2011 and to an average of $2,275 per ounce in 2012.
Bank of America-Merrill Lynch said in a research note it was revising its 12-month gold target to $2,000 an ounce.
JPMorgan said that gold could reach over $2,500 per ounce prior to year end.
แค่อยากให้ดูนะครับ ถ้าเป็นคนนอกวงการจะมองทองใกล้ฟองสบู่แตกนะครับ
แต่อย่างพวกสถาบันการเงินอเมริกาหลายที่ อย่างน้อยก็ 4 ที่ตามบทความนี้ ที่มองทองขึ้นไป 2000 up ครับ
แล้วเราไม่ควรมีทองอยู่พอร์ตการลงทุนเราจริงๆ หรือ???
แล้วอีกเรื่องก็คงจะพูดเรื่อง การแบ่งพอรตทองกับหุ้นนะครับ เพราะผมอยากจะแนะนำให้มีทองติดพอรตไว้ด้วยสัก 10-30% แปรผันตามช่วงเวลา ถ้าช่วงไหนราคาหุ้นสูงๆ เราก็อาจจะลดสัดส่วนหุ้นไปลงในทองมากขึ้น แต่ไม่เกิน 30 % และในทางกลับกัน ถ้าหุ้นกลับมาราคาต่ำมากๆ จนน่าสนใจ เราอาจจะลดสัดส่วนทองเหลือ 10% เพื่อขายทองเอาไปลงในหุ้นมากขึ้น ก็แปรผันลงทุนตามช่วงเวลา และยังป้องกันความเสี่ยงในบางช่วงเวลาได้ดียิ่งขึ้น ผมคิดว่ายังไงก็ดีกว่าถือหุ้น 100% แน่นอนครับ
boyles

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น