วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

กฏการเทรด 10 ข้อ และการอยู่รอดในตลาด ที่ต้องท่องให้ขึ้นใจ



กฎของ LARRY
1. ความอยู่รอดคือจุดเริ่มต้น การเก็งกำไรเป็นธุรกิจที่เสี่ยงสูงมากๆ มันไม่เกี่ยวว่า เราจะชนะ หรือแพ้ มันเกี่ยวกับคำว่าเราจะอยู่รอดอย่างไร เมื่อตลาดอยู่ที่จุดต่ำๆ หรือจุดสูงๆ ถ้าคุณอยู่รอดไม่ได้ คุณไม่สามารถชนะได้
อย่างแรกสุดของการอยู่รอด คุณต้องมีแนวทาง หรือวิธีการเก็งกำไรที่ทำได้จริง
ข่าวลือ วงใน ความรู้สึกไม่ใช่แนวทางการเก็งกำไร โอกาสหรือพื้นที่ในการเก็งกำไรจะมาจากความจริงที่สามารถทำได้จริง
นักเก็งกำไรระยะสั้น และระยะยาวอาจมีแนวทางการทำกำไรต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือวิธีการ และเครื่องมือที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้จริง
นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้เวลาเยอะมากในการซื้อ laptop แต่ตัดสินใจเร็วมากในการวางเงินเดิมพันจริงๆ ในตลาดทุน
ปัญหาโดยทั่วไป คือมีเทคนิคเยอะมากที่มันใช้ทำเงินจริงๆไม่ได้ เขาแนะนำได้อย่างนึงคือ คุณต้องใช้เวลาให้มากหน่อยในการเรียนรู้ และตัดสินใจในการเข้าเก็งกำไร ในช่วงวิกฤตต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คุณจะมี การบริหารเงินที่ดี MM มีระบบที่ดี มีรูปแบบการเก็งกำไรที่ทำได้จริง แต่คุณก็ยังต้องควบคุมตัวเองให้ได้อยู่ดี
2. ทั้งหมดนี้ มันคือเกมส์ของอารมณ์ และมันจะเป็นไปตลอด อะไรก็แล้วแต่ที่มันเกี่ยวข้องกับเงิน และยิ่งเป็นเงินของเรา มันทำให้เราตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล ความกลัว อารมณ์ต่างๆทำให้นักเทรดเดอร์ทั้งหลายพลาดกับการลงทุนที่ดี หรือเขาเดิมพันที่สูงมาก เมื่อการบริหารเงินถูกคอบงำโดยอารมณ์ โดยปราศจากเหตุผล
3. ความโลภ เมื่อความโลภมีผลต่อเรามากกว่าความกลัว มาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อคุณเป็นนักเก็งกำไร คุณจะมีความกลัวลดลงกว่าคนทั่วไป เพราะคุณถูกดึงดูดในเรื่องการทำเงินให้ได้ ในขณะที่คนอื่นจะกลัวการขาดทุน
ความโลภเป็นอุปสรรคต่อนักเทรดทั่วไป ความโลภจะทำให้คุณมีความหวังหลงเหลือ ความโลภจะทำให้คุณผลีผลามเข้าในจังหวะที่เสียเปรียบ และออกเร็วเกินไป ความหวังคือศัตรูตัวหลักเพราะมันทำให้คุณฝันถึงกำไรมหาศาล
และออกไปสู่โลกแห่งความฝัน เชื่อผมเถอะ !!! โลกของการเก็งกำไร มันมีจริง และคนมากมายศูนย์เสียเงินที่ตัวเองเก็บมาทั้งชีวิต ชีวิตคู่พัง ครอบครัวแตกแยก จากการได้เสียอย่างมากมายในตลาดนี้
แน่นอน การชนะของเราที่เกิดจากการเก็งกำไร อาจจะชั่วครั้ง ชั่วคราว มันพร้อมจะจากเราไป เหมือนกับเราถูกฟ้องล้มละลาย หรือโกงเลยทีเดียว
ผมไม่สามารถบอกวิธีที่แน่นอนในการจัดการกับความโลภได้ แต่สิ่งที่ผมบอกคุณได้อย่างเดียวคือ คุณต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ไม่งั้นคุณจะไม่มีทางรอดจากตลาดแน่นอน
4. ความกลัว
ความกลัวเป็นสาเหตุ ให้คุณไม่กล้าทำในสิ่งที่คุณควรจะทำ ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อ ความได้เปรียบมาถึง แน่นอนมันตรงข้ามกับความโลภที่เป็นสาเหตุให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
นักจิตวิทยาบอกว่า ความกลัวทำให้คุณไม่กล้าขยับ ถึงแม้โอกาสที่ดีจะวิ่งเข้าหาคุณอย่างมากมายขนาดไหน แต่พวกเขาก็จะมองผ่าน และไม่ทำอะไรกับมันเลย และแย่ยิ่งกว่านั้นคือเขาพลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว ถ้าถามผม ผมก็ไม่รู้
แต่ผมบอกได้อย่างเดียวคือ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผมกลัวมากเท่าไหร่ โอกาสชนะของผมที่จะได้กำไรกลับมีมากขึ้น นักลงทุนทั่วไปกลัวและเอาตัวเองมาจากตำแหน่งที่ได้เปรียบ
5. Money management คือการสร้างความมั่นคั่ง
แน่นอน คุณสามารถทำเงินจากการเป็นเทรดเดอร์ หรือ นักลงทุนก็ได้ แต่ผมบอกได้เลยว่ากำไรส่วนใหญ่มันไม่ได้มาจาก เทคนิคการเทรด รูปแบบการลงทุน มากเท่ากับวิธีการบริหารเงิน หรือการจัดการเงิน
ผมยกตัวอย่าง ผมทำเงินจาก $10,000 เหรียญเป็น 1 ล้านเหรียญใน 1 ปี ในการแข่งขันรายการนึงด้วยเงินจริง ด้วยวิธีง่ายๆคือ เมื่อกำไรเยอะขึ้นคุณก็เทรดเยอะขึ้น และเมื่อกำไรลดลงคุณก็ต้องเทรดด้วยสัญญาที่น้อยลง
และ 10 ปีต่อมา ลูกสาวเขาอายุ 16 ปี ก็ชนะรางวัลการเทรด โดยทำเงินจาก 10000 เหรียญ เป็น 1 แสนเหรียญ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีสูตรลับใดๆ ไม่มีกราฟมหํศจรรย์ใดๆ เธอแค่ทำตามรูปแบบการบริหารเงินเหมือนที่ผมได้ทำ
6. การทำกำไรมหาศาล ไม่ได้มาจากการเดิมพันที่สูง
มีเรื่องราวมากมายของนักเทรด อย่าง jesse livermore, john gates, niederhoffer, frankie joe และอีกมากมาย คนพวกนี้เดิมพันสูงมาก และสูญเสียเงินตัวเองหมดในท้ายที่สุด
การลงทุน หรือเก็งกำไรที่ฉลาดจะไม่เดิมพันสูง และไม่มีทาง ทำไมเหรอ คุณสามารถชนะ และทำกำไรมหาศาลเมื่อคุณเดิมพันไม่เยอะ กลับไปดูข้อ 5 ท้ายที่สุด เมื่อคุณเดิมพันสูง เวลาคุณเสีย คุณก็เสียเยอะเช่นกัน
มันเหมือนการเล่น รูเร็ต คุณสามารถเล่นได้บ่อยโดยคุณไม่แพ้เลย แต่ถ้าคุณเล่นบ่อยมากเท่าไหร่ บ่อยจนเพียงพอต่อผลลัพธ์อันเดียวที่คุณไม่มีทางหนีได้ คือ จุดจบ ความตาย และเมื่อคุณเดิมพันสูง คุณก็จะหมดตัวเช่นกัน ตัวผมก็เคยผ่านมาแล้ว เชื่อผมเถอะ
ผมเดิมพันน้อยลง ควบคุมความเสี่ยงให้ได้ ไม่มีวิธีใดหรอกที่จะอยู่รอดในตลาดโดยปราศจากการควบคุมความเสียหาย
7.พระเจ้าอาจช้า แต่พระเจ้าไม่เคยปฏิเสธ
ผมไม่เคยรู้เลย เมื่อไหร่ผมจะทำเงินได้ มันอาจจะเป็นการเทรดครั้งแรก หรือครั้งสุดท้ายของผมเองก็ได้ แต่คุณต้องเตรียมรบ ให้ได้นานที่สุด
ผมคิดว่าความเชื่อในเรื่องของพลัง คือ ปัจจัยในการสำเร็จของนักเทรด มันช่วยให้เรามีวิสัยทัศน์ในการเก็งกำไร
-.- เริ่มง่วง สรุปคร่าวๆ ขอให้เรามีพยายาม และเชื่อในพลังในตัวเอง และมุ่งมั่น ความสำเร็จจะตาม
8. ผมเชื่อเสมอว่า การเทรดในปัจจุบัน ผมจะขาดทุน
อันนี้คือเคล็ดลับความเชื่อในการเก็งกำไร ให้ประสบความเสำเร็จของผมเลยทีเดียว นักเทรดทั่วไป เชื่อเสมอว่า เทรดครั้งต่อๆไป ในอนาคตพวกเขาจะเทรดได้ดีขึ้น และจะเป็นผู้ชนะ
แต่ไม่ใช่ผม !!! ผมเชื่อว่า หลักๆแล้ว หลักการจริงๆแล้ว คือการเป็นผู้แพ้ ผมถามคำถามคุณ คุณคิดว่า ผมที่มี stop อย่างผม และเทรดอย่างถูกต้อง หรือคนที่เทรดด้วยความเชื่อโดยปราศจากเหตุผล คุณคิดว่าใครจะแพ้
ระหว่างผม หรือ คนที่คิดในแง่ดี
ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ผมจะบอกคุณว่าการที่ผมคิดว่าผมเป็นผู้แพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมจะปกป้องตัวเอง ในทุกรูปแบบ และทุกเวลา และผมจะไม่อยู่ในความหวัง และความไม่จริง
9. โชคจะมาหาคุณจากการเพ่งความสนใจเพียง 1 ตลาด หรือ 1 เทคนิค
คนที่เทรดหลายๆอย่าง จะไม่ประสบความสำเร็จในการเทรด ทำไม? นักเทรดจะต้องตั้งใจในรายละเอียดของการเทรด โดยปราศจากอารมณ์
การไขว้เขว้อาจหมายถึงต้นทุนคุณที่เพิ่มขึ้น ขาดการใส่ใจ นั่นจะทำให้คุณ ไม่ได้เข้าในจุดที่ควรจะเข้า หรือเพิกเฉยในการเทรดซึ่งนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้น
เหมือนกับพวกที่โยนบอลขึ้นไปในอากาศ มันค่อนข้างยากที่คุณจะควบคุมบอลที่โยนขึ้นไปอากาศ อย่างเช่นบอล 3 ลูก แน่นอนคุณอาจจะฝึกได้ แต่เมื่อเพิ่มลูกบอลขึ้นเรื่อยๆ น้อยคนมากๆที่จะทำได้ และควบคุมลูกบอลพวกนี้ได้
ดูอย่างพวกนักกีฬาสิ พวกเขามุ่งมั่นอยู่แค่กีฬาอย่างเดียว หรือพวกศิลปิน นักดนตรี ไม่มีหรอกที่จะเป็นดาวดังจากการร้อง country western and opera ดังนั้น ยิ่งคุณมุ่งมั่นได้มากเท่าไหร่ในสิ่งที่คุณทำ คุณจะยิ่งประสบความสำเร็จมากมายในด้านนั้นๆ
10. เมื่อสงสัย ให้กลับไปอ่านข้อหนึ่งใหม่
มีเวลาจะมา edit ใหม่ช่วงหลังง่วงๆ อาจแปลงงบ้าง ^^
BOYLES
ที่มา LARRY WILLIAMS

กลุ่มเรียนรู้การเทรด SET50, GOLD และ COMMODITY FUTURE


-----  ปิดแล้วนะครับ ----- เจอกันอีกทีเดือน 11 นะครับ

Posted on  by boyles


ผมมีโครงการจะทำกลุ่มเรียนรู้การเทรด SET50, GOLD และ COMMODITY FUTURE และด้วยเนื่องจากค่าใช้จ่าย ทั้งซื้อข้อมูลรวมถึง Subscription เยอะมาก 

การทำกลุ่มเรียนรู้การเทรด Future เราจะมาใช้ข้อมูลร่วมกัน และผมจะสอนวิธีการอ่าน DATA และข้อมูล Subscription มาเรียนรู้ร่วมกัน และ ผมเองจะช่วยสอนแนวทางการเทรด FUTURE ให้ในระหว่าง 6 เดือนนี้ด้วย เพราะจากการสัมมนา เพียง 1-2 วัน ไม่สามารถทำให้คนเข้าใจแนวทางการเทรดได้มากพอ ดังนั้นการเรียนรู้ร่วมกัน และพัฒนาร่วมกันในระยะ 6 เดือนน่าจะช่วยพัฒนาตัวเองได้มากที่สุด เพราะผมได้เจอนักลงทุนที่ขาดทุน Future เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเรียนรู้ และระยะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดผมเลยขออนุญาต สำหรับคนที่สนใจที่จะเรียนรู้ และสนใจการเทรด Future เก็บค่าใช้จ่าย 5,000 บาท ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน โดยส่วนนึงเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อข้อมูล  และในระหว่าง 6 เดือนผมจะจัด สัมมนา ให้คนในกลุ่มในเรื่องการเทรด เดือนล่ะครั้ง เนื้อหาตาม Link ด้านล่างนะครับ

ถือว่าเป็นกลุ่มทดลองนะครับ ขออนุญาติรับจำกัดจำนวนคนนะครับ เพราะต้องการดูแลและให้ความรู้อย่างทั่วถึง 

โดยกลุ่มใน Facebook นี้จะมี 3 กลุ่มนะครับ สำหรับกลุ่มเรียนรู้คือ1 SET50 Future2 Gold Future3 Commodity Future

หมายเหตุ อีกนิดนะครับ ไม่ใช่กลุ่มล่ะ 5 พันนะครับ ราคาเดียวแต่เราจะเรียนรู้ไปพร้อมกัน 3 กลุ่มนะครับรายละเอียดเพิ่มเติม

http://www.4shared.com/office/rCazdNVv/big_move_group_learning.html

ตารางสัมมนา BIG MOVE โครงการเรียนรู้การเทรด FUTURE SET50 และทอง (สามารถนำไป Apply ในหุ้นได้เช่นกัน)

รายละเอียดคร่าวๆนะครับ กำหนดการตามนี้นะครับ ถ้ามี Detail เพิ่้มเติม Update อีกที

กำหนดการผมจะ ใส่ไว้ในหน้า Files ของใน facebook เผื่อใครจะย้อนกลับมาดูกำหนดการได้ โดยกระทู้ไม่ตกนะครับ


16 มิถุนายน 25551
1. สอนสมาชิกฝึกเปิดกราฟผ่าน EFINANCE, SETTRADE ONECLICK, METASTOCK, MILLENNIUM TRADER และรวมถึงการใส่ INDICATOR
2. จะให้ IDEA ความรู้เบื้องต้น และ BASIC ของการทำกำไรในตลาดหุ้น
3. จะยกตัวอย่างการระวังตัวในการหมดตัวใน FUTURE สาเหตุของการหมดตัว 
4. รวมถึงห้าม SPREAD ในการล๊อคขาดทุนเด็ดขาด
5. สอนการใช้ MONEY MAGEMENT ผ่านตาราง EXCEL 
6. สอนการกำหนดจุด STOPLOSS แบบ BASIC


14 กรกฎาคม 2555
 Candlestick + การดูรอบในการเล่นหุ้นและทอง
1. เข้าใจแรงซื้อ แรงขายทั่วไปของแท่งเทียน และไส้เทียน
2. การหาจุด Stoploss และเลื่อน stop โดยใช้แท่งเทียน
3. การหาแนวรับ แนวต้านจิตวิทยาโดยใช้แท่งเทียบ
4. เรียนรู้ความหมายของ Doji และ Hammer ในตำแหน่งที่มีความหมายและไม่มีความหมาย
5. เรียนรู้การยุบแท่งเทียน เพื่อตีความแท่งเทียนให้มีนัยยะเพิ่มขึ้น
6. ทำความเข้าใจกับแท่งเทียนโดยไม่ต้องจำรูปแบบของ Pattern ต่างๆ


18 สิงหาคม 2555
จะใช้ Meta กับ E-Finance นะครับในการสอน

 FIBONACCI RETRACEMENT การหาแนวรับ 
1. การใช้ เส้น ZIG ZAG ในการช่วยกำหนด LOOP
2. การกำหนดเวลา LOOP จากเวลา
3. การใช้ Fibo ประกอบ Candlestick ในการหาแนวที่มีนัยยะ
4. การใช้ Fibo ร่วมกับ RSI เพื่อดู Momentum ในการหาแนว Retracement 
5. workshop


FIBONACCI PROJECTION การหาเป้าหมายของราคา
1. การกำหนด LOOP โดยจากการหาอัตราส่วน Retracement เพื่อหา PT(PROFIT TAKING)
2. การลาก LOOP ในหลาย TF เพื่อหาเป้าหมายที่มีนัยยะ
3. การใช้ PROJECTION ร่วมกับ Candlestick และ RSI
4. Workshop

 FIBONACCI AGREEMENT การหาแนวรับร่วม และแนวเป้าหมายร่วม
1. การหา retracement หลายรูปเพื่อหาแนวรับร่วม ร่วมถึงการเลือกลูปโดยใช้ Candlestick ร่วมกับ RSI
2. การหา Projection หลายรูปเพื่อหาแนวรับร่วม ร่วมถึงการเลือกลูปโดยใช้ Candlestick ร่วมกับ RSI
3. WorkShop

19 สิงหาคม 2555

RETRACEMENT + PROJECTION
1. Fibonacci Retracement ร่วมกับ Projection เพื่อหาแนวที่มีนัยยะมากขึ้น
2.  การใช้ RSI รว่มกับ candlestick ในการตัดสินใจ หาจุดที่มีนัยยะ
3. Workshop

 FIBO EXPANSION
1. การหาเป้าหมายราคาโดยใช้ EXPANSION 
2. การใช้ FIBO EXPANSION เพื่อการเล่น SWING TRADE ในช่วง SIDEWAY 
3. Workshop


การคำนวณ RATIO WIN/LOSS
1. เมื่อเราสามารถกำหนด จุด STOPLOSS จาก CANDLESTICK ในการสอนครั้งที่ 2 ไปแล้ว
2. การเรียนครั้งนี้จะทำให้เราสามารถคำนวณเป้าหมายเพื่อใช้ในการหา WIN/LOSS RATIO ได้
3. Workshop



15 กันยายน 2555 
1.การดู RSI SIDEWAY, BULL, BEAR ใน TF ใหญ่และเล็ก
2. RSI DIVERGENCE โดยดูผ่านแท่งเทียนอย่างไร ลักษณะการย่อ และขึ้นเบรคต่อ
3. การใช้เส้น moving average ในแต่ล่ะแบบ expo, simple, weight
4. การใช้ค่าเฉลี่ยเบงเบนให้เป็นประโยชน์จากการใช้ Moving average 
5. idea การตี trend line ร่วมกับการใช้ bar chart ในการตัดสินใจ
6. การใช้ ADX กับ STO เพื่อหาตำแหน่งการรีบาวน์
7. การใช้ MACD ร่วมกับ ADX เพื่อหากำลัง
8. idea การเทรดระยะสั้น เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ดีขึ้น
9. การ Let profit run ใน TF ใหญ่ และการใช้ TF เล็กๆ ในการตัดสินใจเข้ามาช่วย ในวันที่ตลาดแกว่งมากๆ สำหรับเวลาโดน Stoploss


13 ตุลาคม 2555 
Money management
1. การบริหารความเสี่ยงในการเล่น Future 
2. การกำหนดจุด stoploss ที่เหมาะสม
3. การกำหนด risk ในขณะ Sideway และในช่วงที่เป็น trend
4. การควบคุมความเครียด
5. การดู Volume ในช่วงที่เป็น trend 


17 พฤศจิกายน 2555 
การเอา Candle + Fibonacci + Indicator + Money management มาใช้่ร่วมกัน 



 ผ่านไป 6 เดือนเราควรจะมีความรู้เบื้องต้นพวกนี้ให้ครบก่อนนะครับ

Next Class: Swing Trade + Day Trading , More davaced , Details coming soon. ถ้ายังมีคนสนใจนะครับ
ตัวอย่างคร่าวๆ1. จะเป็นการใช้ ความรู้ข้างต้นทั้งหมด แล้วนำมาหาความสัมพันธ์ของ TF เล็กไปหา TF ใหญ่เพื่อกำหนดกลยุทธ์ Buy and Sell ในการเล่น Day trade
2. เรียนรู้ Pattern  หลอกต่างๆ
3. การนำเอาข้อมูล COT มาประยุกต์รวมกับเทคนิค และระบบ มาใช้ดูตลาด Commodity และตลาดหุ้นทั่วโลก
4. เรียนรู้ Naked Bar แล้วนำมาทำเป็นระบบ คล้ายๆไล่ Candle เป็นอีกวิธีในการกำหนด กลยุทธ์การออก
5. เรียนรู้ Pattern การกลับตัวต่างๆ
6. เรียนรู้รูปแบบการเทรดของนักเทรดชั้นนำอย่างเช่น LARRY Williams, Steve Nilson, Joe Dinapolli, Steve L. Person เป็นต้น

สนใจติดต่อ boy_09@hotmail.com เปิดรับอีกที เดือนพฤศจิกายน 2012 นะครับ


BOYLES

ลองฝึกบันทึก การดู Volume ใน SET50 ครับ



มาดู Volume ของ SET50 วันนี้ กราฟยังเหมือนเดิมเลย ไม่ได้ Up อะไรนะครับ
Volume วันนี้ อย่างที่บอกนะครับ ลองฝึกสังเกตกันดู สำหรับจะดูละเอียดๆ หน่อย จะดู 10 นาทีแรก 30 นาทีแรก และสำคัญที่สุดคือ ตอน 11 โมง และช่วงบ่าย 3 อีกครั้ง
ลองฝึกสังเกตและจดบันทึกเอานะครับ ยกตัวอย่างวันนี้ Volume ตอน 11 โมงเช้าเยอะ และเกิดกระจายตัวกันใน SET 50 ของ TOP 10 แสดงว่าวันลักษณะนี้เหมาะแก่การ LET PROFIR RUN หรือ DAY TRADE
แต่ถ้า Volume กระจุกตัวในหุ้น Big CAP แล้วราคาไม่ไป ให้เตรียมหนีตาย โดยเฉพาะมีสักตัว หรือ 2 ตัว TOP 2 VALUE ราคายืน + ไม่ได้ มีโอกาสย่อ หรือกลับตัวให้ระวัง
คร่าวๆ ลองสังเกตกันดูนะครับ หลักการดู VOLUME มันค่อนข้างตรงฝึกสังเกตดูแล้วจะได้ IDEA กันครับ
ถ้า Volume ต่ำ ก็จะมีหลายแบบ ต่ำที่แนวรับ ต่ำเมื่อย่อ ต่ำแบบ Sideway อันหลังจะสับสนมาก ต้องเล่นตามเทคนิคเป็นหลัก ต่ำเมื่อย่อจะเป็น Trend ต่อ และต่ำเมื่อแนวรับให้ระวังการ Break แล้วสังเกต Volume ตามหลังจากนั้น
เทคนิคพวกนี้ ผมใช้ในการเทรด Future SET50 นะครับ ในการ let profit run และระวังสัญญาณต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ร่วมถึงพิจารณา Noise ของข่าวที่อาจมากระทบตลาดในระยะสั้นๆ
วันนี้ เอาไว้แค่นี้ก่อนครับ
BOYLES

เมื่อได้กำไรในมือ ไม่ควรปล่อยให้มันหลุดลอยไป 1 ในบทที่ชอบของหนังสือที่คุณมดแปลครับ



HOW TO TRADE IN STOCK IN STOCKS (by MANGMAO CLUB)
บทที่ 4 เรื่องของกำไรในมือ
บทนี้เป็นอีกบทที่ผมชอบมาก เมื่อเราได้กำไรก้อนใหญ่แล้ว จงอย่ามอบมันให้ผู้อื่นเด็ดขาด ไม่ว่าเงินจะมาก หรือน้อยขนาดไหน
เขาได้เตือนเสมอว่า ถึงความพยายามที่จะเฉลี่ยขาดทุน เพราะนี้คือสิ่งที่ทำกันอย่างกว้างขว้างที่สุด เมื่อคุณถั่วเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ในความเป็นจริงๆ คุณควรจะทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า มีนักเก็งกำไรจริงๆ ไม่กี่คนหรอก ที่สามารถแบกรับความกดดันมากขนาดนี้ได้ และถ้าคุณเคยอ่านเรื่อง การเดิมพันในลักษณะ Martingale ท้ายที่สุดความเสี่ยงของคุณจะเพิ่มขึ้นในลักษณะที่ว่า เดิมพันสูงมาก เป็น 1000 เท่า เพื่อที่จะให้กำไรคุณเพียงแค่ 1 เหรียญ หรือ แค่เพื่อต้องการกลับมาเท่าทุน อันหลังผมเพิ่มเอง นี้คือความกดดันที่ผมคิดว่า ยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะยอมรับมันได้
ความผิดปกติจากการเคลื่อไหวราคาที่ผิดปกติ ที่นักเก็งกำไรควรจะต้องปกป้องตัวเองตาหากมากกว่า ที่จะเดินตามตลาดจนหายนะ และจงจำไว้เสมอว่า ห้ามถัวเฉลี่ยขาดทุน
เรื่องของ margin เมื่อใดก็ตามถ้าคุณ ถูกเรียกให้เติม Margin ขอให้คุณหยุดเล่น นั่นแสดงว่าคุณได้กำลังทำอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดกับตลาดแล้ว จงเก็บรักษาทุนที่เหลือ เพื่อที่จะนำไปเสี่ยงกับบางอย่างที่น่าสนใจในวันข้างหน้า ดีกว่าคุณจะยอมแพ้แล้วเดินออกจากตลาดไป
ข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ของนักเก็งกำไร คือการพยายามสร้างความมั่งคั่งที่เร็วจนเกินไป นักเก็งกำไรที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี พวกเขาจะพยายามฝืนทำกำไร จนมีบางอย่างเกิดขึ้น นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาขาดทุนมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยเจอทีเดียว
ความจริงก็เหมือนกับการทำธุรกิจ กำไรระดับ 25 % ต่อปี ก็ถือว่าเป็นผลกำไรที่ดีทีเดียวแต่ผู้คนที่เข้ามาตลาดไม่ได้หวังเช่นนี้ เขาคิดว่าการได้กำไร 25 % เป็นอะไรที่น้อยมาก เขาคาดหวังผลตอบแทนระดับ 100 % โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า ตลาดเป็นตัวกำหนด ว่าจะให้เรามากน้อยตาหาก ซึ่งแน่นอน การคาดหวังผลกำไรที่มากเกินไป คือความผิดพลาดมหันของนักเก็งกำไรโดยทั่วไป
เล็กๆน้อยอีกอย่างคือ เมื่อคุณเก็งกำไรได้เงินก้อนใหญ่ๆมาก้อนนึง จงถอนเงินส่วนนึงออกมาก และเก็บมันเอาไว้
อีกบทเรียนนึงคือ การเก็งกำไรคือธุรกิจในตัวมันเองอยู่แล้ว จงอย่าปล่อยให้คำชักจูง ตื่นเต้น หลอกล่อเรา จงระลึกว่าบางครั้ง สำหรับนักเก็งกำไรมือใหม่ด้วยความไร้เดียงสา ทำให้เขาไม่ได้ตระหนักในการเชื่อโบรคเกอร์ ว่าโบรคเกอร์ก็คือผู้ที่อยู่ในธุรกิจเพื่อทำงานจากค่าคอม
จงจำให้ดี อย่าได้ทำการซื้อขายใดๆ จนกว่าที่คุณจะสามารถทำมันได้ด้วยความปลอดภัยทางการเงินของคุณเป็นอันขาด
ยังมีอะไรที่ดีๆ จากหนังสือเล่มนี้มากทีเดียว ผมขอสรุป เอาที่ชอบมานะครับ ยังไงก็ไปอุดหนุนหนังสือคุณมดได้ที่ http://mangmaoclub.com/books/

GC ตี Trend line กัน


GC ตี Trend line กัน

ATR TRAILING STOP LEARNING VDO by Big Move Club



ตี FIBONACCI กะ SET50 กันครับ ^^


ตี FIBONACCI กะ SET50 กันครับ ^^

Gold comex มาฝึกตี FIBO กันครับ





boyles

VDO ตัวอย่าง GC case study RSI divergence candle OI Fibo


VDO ตัวอย่าง GC case study RSI divergence candle OI Fibo

VDO money management เกี่ยวกับ Excel ที่คราวที่แล้วให้ไปครับ อธิบายเพิ่มเติม




boyles

True Reversal and Not Ture reversal Pattern ตัวอย่าง



ขอ Share นะครับ เป็นความรู้เรื่อง Reversal นะครับ คล้าย Gartley ที่เคยอธิบาย และยกตัวอย่างไปแล้ว กับที่เกิดในทอง และ SET index นะครับ เป็นความรู้นะครับ

Example True and not true trend reversal

อีกตัวอย่าง ถ้ามันไม่ Low ก็มีโอกาสเป็น True reversal ได้เช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้
Boyles

GOLD 11-2-2011 Fibonance MACD analysis


GOLD 11-2-2011 Fibonance MACD analysis

CASE STUDY CPN FIBO RSI MACD 12-1-2012


CASE STUDY CPN FIBO RSI MACD 12-1-2012

CASE STUDY GOLD 13-1-2012 GARTLEY OI FIBO TRIANGLE


CASE STUDY GOLD 13-1-2012 GARTLEY OI FIBO TRIANGLE

GOLD 16-1-2012 VDO


GOLD 16-1-2012 VDO

วันนี้มาเรียนรู้ GARTLEY PATTERN ผ่าน VDO


วันนี้มาเรียนรู้ GARTLEY PATTERN ผ่าน VDO

มาเรียนรู้ Upside gain, Downside Risk และ Risk/Reward ในทองกัน


มาเรียนรู้ Upside gain, Downside Risk และ Risk/Reward ในทองกัน

คุณมดออกหนังสือ กุญแจแห่งการเก็งกำไรของลิเวอร์มอร์ ไปอุดหนุนกัน ผมขอ Share นิดนึงครับ



มา Review ให้คุณมด แมงเม่าคลับนะครับ หนังสือน่าสนใจมากนะครับ กุญแจแห่งการเก็งกำไรของลิเวอร์มอร์
ผมอ่านบทแรก ก็ข้อออกความคิดเห็นนิดนึงที่ผมชอบหลายอย่าง จากบทแรก
เนื้อหาคร่าวๆของหนังสือจะเป็นคำสอนของลิเวอร์มอร์หลังจากที่เขาได้ผ่านชีวิตในการเก็งกำไรมาอย่างโชกโชนทั้งร่ำรวยและหมดตัวอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเขาได้เล่าถึงวิธีการในการเก็งกำไร, ความสำเร็จและข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาอย่างมีสีสันและกระชับได้ใจความ
เกรินนำก่อน
สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาบอกว่าสิ่งที่ได้มา เกิดจากการศึกษา และค้นคว้าเกี่ยวกับตลาดอย่างหนัก เขาพยายามอธิบายว่า การทำกำไรจากตลาดหุ้น มันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ มันต้องทั้งอุทิศ ศึกษาอย่างหนัก และทดลองจน ถึงจะเริ่มคาดหวังการทำกำไร
สิ่งที่ผม แนะนำเพื่อนๆได้คือ จงอย่าท้อถอย ในการศึกษาหาความรู้ มันไม่ง่าย แต่มันก็คงไม่เกินความสามารถของพวกเราแน่นอน
สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ เขาบอกว่า ในตลาดจะมีช่วงที่น่าเก็งกำไรและไม่น่าเก็งกำไรอยู่ด้วย ดั่งภาษิต คุณสามารถเอาชนะการแข่งม้าในบางครั้ง แต่คุณไม่สามารถเอาชนะเดิมพันการแข่งม้าได้ในทุกครั้ง
ตรงนี้ผมชอบมาก บางครั้ง การเดิมพัน และโอกาสมันมีเสมอในตลาดทุน แต่เราไม่สามมารถทำกำไรได้ทุกวัน ทุกสัปดาห์ บางครั้ง ที่ผมแนะนำคือบางครั้งผมก็ยอมตกรถ ถ้า ณ จุดตรงนั้น ผมรับความเสี่ยงไม่ได้ นั้นคือการคำนวณ RISK/REWARD ถ้าเราต้องเดิมพันทุกครั้ง มันไม่มีใครแน่นอนที่สามารถทำกำไรได้ตลอดมีเวลา และทุกโอกาสที่ตลาดให้
ตลาดไม่เคยผิด แต่สิ่งที่ผิดคือความเห็นของตัวเราเอง อันนี้ล่ะครับ ที่ผมเน้นย้ำเสมอว่า จงเล่นตามตลาด ถ้าตลาดให้เราได้แค่ไหนก็คือแค่นั้น จงอย่าให้ความคิดเห็นของเราอยู่เหนือตลาดจนกลายเป็น HOPE ในการทำให้เราไม่ทำตามแผน หรือเพิกเฉยต่อจุดตัดขาดทุน
“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณปล่อยให้ความเพ้อฝัน และความหวาดกลัวเข้าไปข้องเกี่ยวกับการเก็งกำไรของคุณแล้วล่ะก็ คุณก็จะได้เจอกับภัยที่น่ากลัว และความสับสนจากสภาวะทางอารมณ์ทั้งสองอย่างนี้”
จงเรียนรู้การตัดขาดทุน ก่อนที่มันจะงอกเงยใหญ่ขึ้น ตรงนี้ก็สำคัญนะครับ เงินทุนที่เราต้องรักษาไว้ เพราะปกติ การเริ่มขาดทุนเล็กน้อย เราจะไม่ค่อยกังวล จนผลการขาดทุนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสภาวะที่เราควรกังวล เราต้องถอยออกมา นักเก็งกำไรที่ดีจะปกป้องการขาดทุนก้อนใหญ่โดยการยอมขาดทุนก้อนเล็กๆ ที่ผมบอก จงรักษาระเบียบวินัยในการเล่นให้ได้ เกี่ยวกับเรื่องการขาดทุน เพื่อว่าในอนาคตเราจะได้ ถ้ามีการคิดค้น หรือวิธีการเทรดใหม่ เราจะได้สามารถอยู่ในตลาดได้ จนเราประสบความสำเร็จ
บุคคลที่มีสัญชาตญาณการเก็งกำไร และรู้จักการรอคอย จะสามารถคิดค้นวิธีการบาอย่าง ในการเอามาใช้ในการเทรด
สิ่งที่ผมให้สำคคัญไม่แพ้กัน คือเรื่องสุดท้าย การจดบันทึก หรือพวกค่าเฉลี่ยบางอย่าง พวกเขาจะสังเกตตลอดตอนมันขึ้นและลง เพื่อช่วยในการหาแนวโน้ม ณ ช่วงเวลานึง แล้วค้นหาแนวคิดใหม่ อันนี้ค่อนข้างโดนใจผมมาก เพราะ ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่สังเกต และใช้พวกค่าเฉลี่ยในการหาแนวโน้ม ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ แต่ล่ะตลาดจะต่างกัน สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช้การทำกำไรก้อนโตบางช่วงเวลา อันนั้นมันเหมือนถูกหวยมากกว่า บางครั้งเราอาจจะโชคดี แต่ถ้าไม่ เราจะจัดการกับมันอย่างไร สิ่งที่ผมต้องการคือหาวิธีการทำกำไรให้ได้อย่างสม่ำเสมอ เท่าที่ตลาดจะให้เรา และตามโอกาสที่เกิดขึ้นมากกว่า การที่จะมาลุ้นการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา
ข้อสุดท้ายมีประโยชน์จิงๆ ครับ ลองจดบันทึกแล้วสังเกตมา ช่วยได้เยอะจิงๆ ซึ่งมันก็ทำให้ผมทำกำไรจาก SET50 Future มหาศาลเช่นกัน
REVIEW เป่าไม่รู้ แต่ก็ขอสรุปคร่าว + ประสบการณ์ตัวเอง ตามที่เราชอบ และช่วย Share ด้วยนะครับ
ใครสนใจไปที่
http://mangmaoclub.com/books/
ผมก็ว่าช่วยสนับสนุนคุณมดซักเล่มเหมือนกัน ^^

มาดูรูป True Range กัน



มาดูตัวอย่างการลาก fibo หา Target ใน GC TF เล็ก


มาดูตัวอย่างการลาก fibo หา Target ใน GC TF เล็ก

BIG PICTURE FOR GOLD 31-1-2012 VDO


BIG PICTURE FOR GOLD 31-1-2012 VDO

การทำ Arbitrage ในทองแท่งและ GF



มีคนถามเรื่อง Arbitrage ในทองแท่งและ GF เลยเอา Share นะครับ IDEA ส่วนตัว เป็นตัวเลขคร่าวๆ ใครมีความรู้อย่างไร ก็มาช่วยแก้ได้นะครับ
ขออธิบายอย่างนี้ล่ะกันนะครับ ทองแท่ง 25,000 GF 26,000 แล้วเราอยากทำ arbitrage
เราซื้อทองแท่ง 25,000 * 50 = 1,250,000
ส่วนของ GF ใช้เงิน (ไม่แน่ใจต้องวางเงิน GF เท่าไหร่นะครับ) ผมตีคร่าวกลมๆ 100,000 บาทล่ะกัน
ในวันหมดอายุสัญญา ทองลงมาที่ปิดที่ 24,000 เราจะ 1. ขาดทุนทองแท่ง 24000-25000 = – 1000*50 = – 50000 บาท 2. ได้กำไร GF 26000-24000 = 2000*50 = 100,000 เราจะได้กำไร 5 หมื่นบาท หักค่าธรรมเนียมต่างอีกสัก 1 หมื่นจะเหลือกำไรประมาณ 4 หมื่น ถ้าสมมุตินี้เป็นสัญญาที่จะหมดในอีก 4 เดือนข้างหน้านะครับ ผลตอบแทนเราจะเป็น 40,000 ประมาณ 3 % ของเงิน ลงทุน 1,350,000 นะครับ ถ้าได้ 3 ครั้งในปี เราจะได้ เกือบ 10 % ต่อไปเลย ดูสวยดีนะครับ
เรามาดูกันต่อนะครับ ความเสี่ยงคืออะไร
สมมุติอีก 4 เดือนข้างหน้า ทองแท่ง 25000 บาท อีกสงครามโลก น้ำมัน บลาๆๆๆ ถีบตัวสูงขึ้น 50 % ผมต้องตีให้สูงหน่อยนะครับ ถ้าเราไม่มีสายป่านที่ยาวพอ เราต้อง STOPLOSS นั่นคือความเสี่ยงเจ๊งอย่างรุนแรง 25000 * 50% = 37,500 บาท
เราต้องมีเงินวาง Margin เท่าไหร่ครับ จากแรกถ้าเราต้องวาง 100,000 บาท ถ้าทองขึ้นถึง 37,500 เราต้องเพิ่มเงินวาง = 12,500 * 50 = 625,000 ดังนั้น เราจะต้องใช้เงินทั้งหมด 725,000 ในกรณีที่เลวร้ายสุด ซึ่งเราก็ไม่รู้ เพราะอย่างตอนที่ปี 80 ยังขึ้นปีเดียว 86 % ได้เลย หรือขึ้น 30 % ก็พอเราก็ต้องใช้เงิน 375,000 หรือ 425,000
ถ้าเราต้องใช้เงิน ตอนแรกก่อน ระดับ 50% ของทองขึ้นในรอบ 4 เดือน จะต้องมีเงิน 2 ล้าน ในการได้กำไร 40000 หมื่นนั้นคือ ผลตอบแทน 2 % ทำ 3 ครั้งต่อปี ก็ 6 %
หรือ เปลี่ยนตัวเลขเป็น 30 % จะต้องใช้เงิน ล้านเจ็ด กำไร 4 หมื่น ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 2.3 % หรือ ประมาณ 7 % ต่อปี
สำหรับผม ก็ต้องลองชั่่งใจดูนะครับ ว่าผลตอบแทนระดับนี้ โอเคไหม ส่วนตัวเลขต้องลองเปลี่ยนดูเอง แล้วความเสี่ยง ของการโดนโจรกรรมละ ถ้าเราเก็บทองแท่ง หรือ เก็บไว้ธนาคาร ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มอีกไหม ค่าเสียเวลาอีก ถ้าผลตอบแทนระดับนี้ ฝากอย่างอื่นที่ใกล้เคียงแล้วเราไม่ต้อง ยุ่งยากดีกว่าไหม อันนี้ ก็ต้องลอง Check กันอีกทีนะครับ IDEA ผมก็ประมารนี้ล่ะครับ
ปล. ที่ผมคิด คือการทำได้แค่ 3 ครั้งต่อปี เพราะเราต้องรอจนหมดอายุเพื่อขายเอาเงินไปเก็งรอบใหม่ ซึ่งสัญญาใกล้คงไม่ได้ให้ค่า premium สูงมาก เราก็ต้องไปซื้อสัญญาไกลขึ้นอีก ผมคิดว่าน่าจะทำได้ 3 ครั้งก็น่าจะหรูแล้วนะครับ ทำทุก 2 เดือน premium ก็ไม่แน่ใจจะได้หรือเปล่า หรือจังหวะต้องดีมากๆ แล้วก็ต้องรีบวิ่งไปร้านทอง short GF เลยไรงี้ เห็นไปอ่านใน website อื่นมา เหมือนในทีวีเขาจะแนะนำกันอย่างนี้ แต่ไม่พูดเรื่องความเสี่ยง ชอบพูดแต่เหรียญด้านเดียว ผมคิดว่าน่าจะเป็นการให้ความรู้ไม่ครบในการตัดสินใจในการลงทุนมากกว่า ถึง Idea จะดูน่าสนใจก็ตาม ก็ต้องลองคำนวณดีๆนะครับ ความเสี่ยงในด้านอื่นด้วย นอกจากรูปตัวเงินนะครับ
BOYLES